หุ้นไทยแม้แกว่งตัวตลอดทั้งวันแต่ยังปิดตลาด +1.52 จุด โบรกฯ ชี้นักลงทุนประเมินตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาตามคาด จึงเกิดแรงเทขายออกบางส่วน ทำให้หุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบๆ พร้อมมองกรอบการลงทุนพรุ่งนี้ แนวรับที่ 1,670 และ 1,663 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,683 และ 1,690 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 13 มกราคม 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.52 จุด หรือ +0.09% โดยปิดตลาดที่ 1,680.02 จุด มูลค่าการซื้อขาย 82,469.00 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายนั้น ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกสลับแดนลบตลอดทั้งวัน โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,682.71 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,675.74 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน958 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 575 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 975 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -1,533.11 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 1,144.03 ล้านบาท ส่วนบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 148.72 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 240.35 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,868.14 ล้านบาท ปิดที่ 145.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
2.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,232.51 ล้านบาท ปิดที่ 127.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
3.SAWAD มูลค่าการซื้อขาย 2,030.82 ล้านบาท ปิดที่ 64.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
4.GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,947.68 ล้านบาท ปิดที่ 49.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
5.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,607.86 ล้านบาท ปิดที่ 39.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SYNEX 37.00 บาท +4.75 บาท หรือ +14.73%
2.BEC 14.50 บาท +0.90 บาท หรือ +6.62%
3.BCPG 12.60 บาท +0.60 บาท หรือ +5.00%
4.SAWAD 64.75 บาท +3.00 บาท หรือ +4.86%
5.BLA 44.75 บาท +1.75 บาท หรือ +4.07%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BCP 26.75 บาท -0.75 บาท หรือ -2.73%
2.HANA 82.50 บาท -1.75 บาท หรือ -2.08%
3.TU 20.30 บาท -0.40 บาท หรือ -1.93%
4.IVL 48.00 บาท -0.75 บาท หรือ -1.54%
5.MEGA 49.50 บาท -0.75 บาท หรือ -1.49%
ด้านดัชนี SET100 ปิดที่ 2,282.56 จุด ลดลง -0.95 จุด หรือ -0.04% ดัชนี SET50 ปิดที่ 996.96 จุด ลดลง -1.41 จุด หรือ -0.14% ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 678.78 จุด เพิ่มขึ้น 8.89 จุด หรือ 1.33%
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่ง Sideway ลักษณะนิ่งๆ หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาตามคาด ขณะที่ตลาดบ้านเราปรับขึ้น Outperform กว่าตลาดภูมิภาค หลังจากปรับขึ้นต่อเนื่องและวันนี้ขึ้นสูงสุดที่ระดับ 1,682 จุด นิวไฮในรอบ 2 ปี 5 เดือนจากเดือน ส.ค.62 ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น
ขณะเดียวกัน ยังต้องติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศกลับมาเร่งตัวขึ้นเป็นกว่า 8 พันรายอีกครั้ง ทำให้ตลาดวันนี้อาจขยับตัวไปไหนได้ไม่ไกล ขณะที่นักลงทุนส่วนหนึ่งยังรอติดตามปัจจัยใหม่ ทั้งการประกาศผลประกอบการกลุ่มแบงก์ที่จะเริ่มทยอยออกมาตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (14 ม.ค.) คาดว่าจะเริ่มจาก TISCO
นอกจากนี้ ยังติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ในวันที่ 25-26 ม.ค.นี้จะมีท่าทีอย่างไรต่อตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาสูง และทิศทางเศรษฐกิจจีน หลังจากโกลด์แมน แซค ปรับลดคาดการณ์ GDP ของจีนลงจาก 4.8% เหลือ 4.3% เนื่องจากสถานการณ์โควิดในประเทศจีนกลับมาระบาดรุนแรงอีกครั้งจนถึงขั้นต้องปิดบางเมืองสำคัญ และส่งผลกระทบต่อการค้าต่างประเทศ ทำให้เกิดความกังวลว่าจะทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอลง
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ นายกิติชาญ คาดว่า ตลาดน่าจะยังซึมๆ และแกว่ง sideway down แม้ว่าจะไม่มีเรื่องเงินเฟ้อมากดดันตลาดแต่อาจจะเห็นการพักตัวได้ แนะให้ทยอยขายทำกำไรบริเวณ 1,680-1,700 จุด พร้อมมองกรอบการลงทุนพรุ่งนี้ แนวรับที่ 1,670 และ 1,663 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,683 และ 1,690 จุด