ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดร่วง -0.56 จุด โบรกฯ ชี้แรงกดดันจากความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ หรือ Bond Yield ที่ปรับตัวสูงขึ้นแตะ 1.8% แนะนักลงทุนรอดูปัจจัยใหม่ พร้อมประเมินกรอบแนวการลงทุนแนวรับที่ 1,650 จุด และแนวต้านที่ 1,665 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 10 มกราคม 2565 ปรับตัวลดลง -0.56 จุด หรือ -0.03% โดยปิดตลาดที่ 1,657.06 จุด มูลค่าการซื้อขายกว่า 79,544.57 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายพบว่าดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบสลับแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,664.23 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,654.05 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 605 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 517 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 1,062 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 1,370.99 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 546.79 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -831.30 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -1,086.48 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,552.56 ล้านบาท ปิดที่ 143.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
2.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,755.14 ล้านบาท ปิดที่ 125.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3.EA มูลค่าการซื้อขาย 1,500.57 ล้านบาท ปิดที่ 96.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
4.GPSC มูลค่าการซื้อขาย 1,497.09 ล้านบาท ปิดที่ 84.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
5.TIPH มูลค่าการซื้อขาย 1,488.36 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท ลดลง 19.75 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.HANA ปิดที่ 86.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 4.88%
2.KKP ปิดที่ 65.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 3.57%
3.AEONTS ปิดที่ 191.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 1.06%
4.SCC ปิดที่ 382.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 0.53%
5.BBL ปิดที่ 126.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.20%
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BLA ปิดที่ 41.50 บาท ลดลง 2.75 บาท หรือ 6.21%
2.JMART ปิดที่ 56.25 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 4.26%
3.JMT ปิดที่ 66.00 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 3.65%
4.ADVANC ปิดที่ 219.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 0.90%
5.SINGER ปิดที่ 50.75 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 2.87%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,256.14 จุด ลดลง -1.26 จุด หรือ -0.06% ดัชนี SET50 ปิดที่ 985.79 จุด ลดลง -0.17 จุด หรือ -0.02% ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 647.52 จุด เพิ่มขึ้น 15.73 จุด หรือ 2.49%
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นภาคบ่ายเพิ่มขึ้นไปแต่ก็ถอยกลับหลังจากตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ หรือ Bond Yield เพิ่มสูงขึ้นแตะ 1.8% จึงกลับมากังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้มีแรงขายออกมา ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของบ้านเราวันนี้ทรงตัวไม่ได้เร่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นวันนี้ถือว่าปรับขึ้นลงสลับกันอย่างไร้ทิศทาง มองว่านักลงทุนคงรอดูปัจจัยใหม่ ได้แก่ การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ กลางสัปดาห์ และถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารประจำวุฒิสภา หลังจากมีการเสนอชื่อนายพาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2
ส่วนแนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดน่าจะแกว่งไซด์เวย์ต่อเนื่องเพื่อรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ โดยประเมินกรอบแนวรับที่ 1,650 จุด และแนวต้านที่ 1,665 จุด
