Bitkub ลงขันร่วมกับ "กลุ่มทองแตง" ของนายวิชัย ทองแตง เซียนหุ้นคุณค่า (VI) ของไทยตั้งบริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด โดยถือหุ้นกันในสัดส่วน 50:50 ตั้งเป้ายกระดับการศึกษาของเยาวชน ผลิตเด็กไทยเลือดใหม่ป้อนสู่อุตสาหกรรมบล็อกเชน รับลูก Metaverse
วันที่ 17 ม.ค.65 บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (Bitkub) และกลุ่มทองแตง ลงนาม MOU ร่วมเป็นพันธมิตรในการจัดตั้ง "บริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด" โดยเน้นหนักในการพัฒนาการศึกษาโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีดิจิทัล มุ่งหวังสร้างเด็กไทยให้มีความรู้และทักษะเพื่อรองรับตลาดแรงงานเฉพาะทางด้านบล็อกเชนในอนาคต ตามเป้าหมายที่จะ “ส่งเสริมโอกาส สร้างอาชีพ สู่โลกอนาคต” โดยในระยะเริ่มแรกจากวิทยาลัยอาชีวะศึกษาอุดรธานี เป็นที่แรกและจะขยายพื้นที่ด้านความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเฉพาะทาง ไปสู่กลุ่มนักเรียนอาชีวะให้มีความพร้อมไปสู่โลกอนาคต นอกจากนี้แล้วยังขยายไปยังสถาบันอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยมหาสารคามอีกด้วย
“วิชัย ทองแตง” นักลงทุนหุ้นคุณค่าและผู้ร่วมก่อตั้ง บิทคับ เวิลด์เทค กล่าวว่า การร่วมมือกันในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเชื่อมโยงโลกระหว่างคนสองรุ่น คือคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ แสดงให้เห็นว่าคนทั้งสองรุ่นนั้นสามารถสร้างโอกาสและเติมเต็มกันและกันได้ เพื่อร่วมกันพัฒนาอนาคตของเด็กไทยให้เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
“กระบวนการเปลี่ยนถ่ายที่สำคัญ คือ สำนึกด้นธรรมาภิบาลและคุณธรรม ซึ่งหากถ้ามาจากรากเหง้า ก็คือ ปู่ย่าตายายที่ถ่ายทอดให้กับเรา โดยเฉพาะคุณธรรมและจริยธรรม เชื่อว่าถ้าสามารถนำองค์ความรู้จาก บิทคับและพันธมิตรเข้ามาสร้างเครือข่ายร่วมกัน สามารถสร้างคุณธรรมและจริยธรรมแห่งโลกเทคโนโลยีได้ โดยที่ผ่านมาแนวทางความร่วมมือ กลุ่มทองแตง ได้เห็นพัฒนาการของบิทคับ และเฝ้ามองดูบิทคับมานานพอสมควร จึงมีความคิดอยากจะขยายความร่วมมือไปทั้งประเทศ ก่อนหน้านี้เห็นว่าบิทโดดเด่นในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล และจะตอบโจทย์ทั้งประเทศได้หรือไม่ หากมองไปถึงกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง อาจทำให้เราเป็นห่วง ว่าประเทศชาติจะเป็นอย่างไร คนรุ่นใหม่มีพฤติกรรมอย่างไร เรียนรู้เทคโนโลยีได้อย่างปลอดภัยหรือไม่"
“วิชัย” ยังได้บอกว่า บิทคับ เวิลด์เทค ต้องมีคำปฏิญาณ คือ 1.เราจะไม่นำเทคโนโลยี มาโกงและหลอกลวงผู้อื่น 2.เราจะเรียนรู้ที่จะสร้างสรรรค์สังคมที่ดีมีคุณธรรม และ 3.เราจะแบ่งปันความรู้และโอกาสให้แก่ผู้อื่น โดยเน้นย้ำว่าคนที่สนใจเทคโนโลยีต้องเรียนรู้อย่างถูกต้องและปลูกฝังเรื่องคุณธรรม จริยธรรม
ขณะที่ “ท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว และโควิดเป็นตัวเร่งหลายวงการ เศรษฐกิจที่ดังเดิมยุคเก่าได้รับผลกระทบเยอะ แต่มีเศรษฐกิจยุคใหม่ หรือ new economy ที่ยังเติบโตมหาศาล ซึ่งโลกอนาคตกำลังเข้าสู่ยุคที่ 3 ในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือเรียกว่า web 3.0 ซึ่งไทยต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลง จากที่ผ่านมาประเทศไทยเสียโอกาสมหาศาล จาก web 1.0 และ 2.0 มาแล้ว เพราะกลัวที่จะเปลี่ยนแปลง ยังเป็นธุรกิจยุคเก่า โดย web 3.0 เช่น การพัฒนาบล็อกเชน AR VR Metaverse และ IoT เป็นต้น
“อีก 10 ปีข้างหน้า โลกจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จำเป็นมากที่ไทยต้องปรับตัว ไปสู่การหลุดจากกับดักรายได้ปานกลาง ทำให้เกิด บิทคับ เวิลด์เทค ตอนนี้เราควรมองอนาคต ทำเพื่อคนอื่น ทำเพื่อสังคม ยกระดับประเทศไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าทุกคนรู้จักบิทคับ จะพูดถึงคริปโต แต่จริงๆ คือ บิทคับ เปิดรับเพื่อสร้างโอกาส อาจมีหลากหลายรูปแบบ สร้างโอกาสเข้าถึงใหม่ๆ เปลี่ยนแปลงทักษะใหม่ให้คนไทย ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะทุกวันนี้ปัญหาตลาดแรงงานไทย เด็กจบใหม่ตกงานกันมาก และเด็กจบใหม่ที่มีทักษะด้านเทคโนโลยี บล็อกเชนยังมีไม่เพียงพอ”
“จิรายุส” บอกต่อว่า ต้องการให้เรามีเนชั่นแนลแชมเปี้ยน สร้างแพลตฟอร์มไปสู่นอกประเทศ เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย เพราะในตอนนี้ถ้าดูในมือถือยังใช้บริการแพลตฟอร์มต่างประเทศแทบจะทั้งสิ้น และในอีก 10 ปีข้างหน้า web 3.0 ทำให้ผู้ประกอบการต้องมี AQ สูงมาก ต้องเปลี่ยนจากยุคสิ่งเก่าเป็นสิ่งใหม่ และบิทคับ เวิลด์เทค จะสร้างคนที่จำเป็นต่อโลกอนาคต
ทั้งนี้ในปัจจุบันมหาวิทยาลัยต่างๆ ยังไม่มีทักษะรองรับเรื่องบล็อกเชน เทคโนโลยี ซึ่งยังเป็นสิ่งที่ขาด อยากสร้างบริษัทนี้ให้ดึงศักยภาพเด็กไทยให้มีทักษะตรงกับโลกอนาคต และควรเริ่มทันที เพราะรองรับสิ่งที่กำลังจะขึ้นรวดเร็วเหมือน exponential โดยบิทคับเวิลด์เทค จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพทักษะให้ตรงกับตลาดแรงงาน เพิ่มรายได้ต่อหัวมากขึ้น และสร้างธุรกิจหลากหลายในประเทศ เช่น พัฒนากลุ่มอาชีวะ ทักษะเขียนบล็อกเชนได้ มุ่งให้ไทยเป็นศูนย์กลางบล็อกเชนของโลก จะพารายได้เข้าประเทศและออกไปทำธุรกิจตั้งบริษัทเปลี่ยนโลกอีกมาก
สำหรับ บริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด (BITKUB WORLDTECH) จดทะเบียนเมื่อวันที่ 6 ม.ค.65 มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบธุรกิจการศึกษา หมวดธุรกิจการบรืการที่สนับสนุนการศึกษา โดยสัดส่วนการถือหุ้นระหว่าง บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กับ กลุ่มทองแตง 50:50 ในบิทคับ เวิลด์เทค
นอกจากนี้ "ท็อป จิรายุส" ยังกล่าวถึงประเด็นการที่ Gulf ดึง Binance เพื่อเตรียมที่จะเข้ามาตั้งกระดานเทรดในประเทศไทยว่า จากที่เห็นในขณะนี้ทางกัลฟ์ และ Binance อยู่ในช่วงของการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกันเท่านั้น ซึ่งก็ต้องรอดูแผนการร่วมทุนในอนาคตหลังจัดตั้งแล้วเสร็จว่ามีความชัดเจนอย่างไร ในการจัดตั้งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจร ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้น เราจะสามารถประเมินถึงผลกระทบ ผลได้ ผลเสี่ย ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างไรบ้าง
ส่วนแนวโน้มการเติบโตของตลาดคริปโต ฯ ในไทยขณะนี้ มองว่าในปีนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ทั้งจากตลาด NFT , Defi , Gamefi ที่จะเห็นตลาดขยายตัวมากขึ้นจากธุรกิจเรียลเซ็กเตอร์ที่เข้ามาเชื่อมโยงในธุรกิจใหม่นี้ นอกจากนี้ปี 2565 ถือว่าเป็นจุดเริ่มทุนของเว็บ 3.0 เป็นการมาถึงของ บล็อกเชน, internet of thing, AI, VR และMetaverse เป็นต้น เข้ามาปฏิวัติทำให้เศรษฐกิจโลกพัฒนาสู่ Digital economy ซึ่งผู้คนไม่จำเป็นต้องจับต้องสินทรัพย์เหล่านั้น
“ ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว และโควิดเป็นตัวเร่งหลายวงการ เศรษฐกิจที่ดังเดิมยุคเก่าได้รับผลกระทบเยอะ แต่มีเศรษฐกิจยุคใหม่ หรือ new economy ที่เติบโตมหาศาลซึ่งสิ่งที่จะเป็นอุปสรรคต้องการเติบโต คือการกำกับดูแล ซึ่งต้องพิจารณาให้รอบด้านสอดรับกับสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น อย่างเช่น การเก็บภาษีคริปโตฯ โดยปัจจุบันกฎหมายที่บังคับใช้อยู่นั้น ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งทางบิทคัพและสมาคมฟินเทคได้ร่วมกันเสนอให้มีการเลื่อนการจัดเก็บภาษีคริปโต ฯ ออกไปอีกอย่างน้อย 2 ปี เพื่อปรับปรุงข้อกฏหมายต่างๆ ให้มีความทันสมัย และมีความชัดเจน สอดรับกับเทคโนโลยีในปัจจุบันมาขึ้น" ท็อป จิรายุส กล่าวทิ้งท้าย