วีซ่า ผู้ให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก เผยโฉมใหม่ในประเทศไทย พร้อมเชิญชวนให้รู้จักกับวีซ่า (Meet Visa) มากขึ้น โดยการปรับโฉมแบรนด์ในระยะแรกจะมุ่งเน้นให้เห็นถึงความสามารถทางเทคโนโลยีที่หลากหลายภายใต้เครือข่ายของวีซ่า และความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะเพิ่มโอกาสทางการค้าสำหรับทุกคนในทุกที่ทั่วโลก ซึ่งในระยะแรกของการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์จะมีการทำแคมเปญการตลาดในหลายประเทศทั่วโลก พร้อมกับการนำเสนอโลโก้ใหม่ที่ดูทันสมัยยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ วีซ่าได้ถือกำเนิดขึ้นมากว่า 60 ปีแล้ว ในช่วงเวลาที่น้อยคนนักจะสามารถจินตนาการถึงโลกที่ปราศจากเงินสดหรือเช็ค ขณะที่วิสัยทัศน์ในการก่อตั้งวีซ่าเพื่อนำเสนอการชำระเงินที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยกว่าเดิม เริ่มมาจากคำถามง่ายๆ ที่ว่า 'จะเกิดอะไรขึ้น....ถ้าวันนึงเงินจะอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์' จวบจนวันนี้ วีซ่ายังคงดำเนินตามปณิธานอย่างแน่วแน่ และช่วยพัฒนาการค้า และการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลผ่านเครือข่ายที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนในทุกที่ทั่วโลก
และในขณะที่วีซ่าเดินหน้าปรับเปลี่ยนการทำธุรกรรมบัตรเครดิตและเดบิตทั้งในรูปแบบบัตรและแบบดิจิทัล บริษัทฯ ยังมีบทบาทมากขึ้นในการในผู้นำการเคลื่อนย้ายเงินบนโลกใบนี้ ในปัจจุบันเครือข่ายของวีซ่ามีบัญชีผู้ถือบัตรกว่า 3.6 พันล้านราย ร้านค้าที่รับบัตรวีซ่ามากกว่า 70 ล้านร้านค้า คู่ค้าอีกนับหมื่นราย และขับเคลื่อนปริมาณเงินในรูปแบบดิจิทัลกว่า 11 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
"ภารกิจของเราคือการทำให้คนทั่วโลกเข้าใจว่า วีซ่าเป็นมากกว่าบริษัทผู้ออกบัตรเครดิต และแท้จริงแล้ววีซ่าเป็นเครือข่ายระดับโลกที่เป็นพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยช่วง 5 ปีให้หลังมานี้ วีซ่าได้ใช้เงินลงทุนไปถึง 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอนาคตทางการค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการ ยกตัวอย่างเช่น เครือข่ายของวีซ่าช่วยให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระสามารถรับค่าจ้างแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถส่งและรับเงินระหว่างบัตรวีซ่าและบัญชีกว่าพันล้านบัญชีทั่วโลก รวมถึงการช่วยให้องค์กรขนาดใหญ่ชำระเงินข้ามพรมแดนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว" คุณลินน์ บิ๊กการ์ รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดระดับโลก ของวีซ่ากล่าว
นอกจากนี้ วีซ่าได้ร่วมงานกับแบรนด์ดีไซเนอร์ชั้นนำระดับโลกอย่าง Mucho ในการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นถึงแบรนด์ที่ดูทันสมัยและไดนามิกมากขึ้น ด้วยแคมเปญ Meet Visa ที่ได้แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปให้เข้ากับยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นสีสันใหม่ที่ดูสดใสมากขึ้น ฟอนท์ใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อประสบการณ์ดิจิทัลที่ดีที่สุด ตลอดจนตราสัญลักษณ์แบรนด์ใหม่ที่สะท้อนถึงพันธกิจขององค์กร
โดยในปี 2565 อัตลักษณ์แบรนด์ใหม่ของวีซ่าจะปรากฏให้เห็นในกว่า 200 ประเทศที่วีซ่าดำเนินกิจการอยู่ เพื่อสื่อถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัท ซึ่งประกอบด้วยการทำให้เงินสดและเช็คที่ใช้จ่ายโดยผู้บริโภคทั่วโลกต่อปีมูลค่ากว่า 17 ล้านล้านดอลลาร์มาอยู่ในรูปแบบดิจิทัล การสร้างระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ ที่รวมถึงการชำระเงินระหว่างบุคคลแบบข้ามแดน และบริการใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ทำธุรกิจในรูปแบบดิจิทัลได้สะดวกยิ่งขึ้น ตลอดจนการคงไว้ซึ่งภารกิจหลักของเราที่ต้องการให้วีซ่าเป็นเครือข่ายที่ปลอดภัย มีเสถียรภาพ และไว้วางใจได้มากที่สุด และนำเสนอบริการและโซลูชันที่หลากหลาย ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรฟินเทค และแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก และพัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐทั่วโลก ตลอดจนการสร้างเทคโนโลยีสำหรับอนาคต
“การปรับโฉมแบรนด์ในครั้งนี้เป็นการสื่อให้เห็นถึงพันธสัญญาที่เรามีต่อทุกคนทั่วโลก และเป้าหมายที่เราจะบรรลุด้วยกันในอนาคต และในขณะที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกทยอยเปิดพรมแดน และการเคลื่อนที่ของเงินวิวัฒนาการไปในรูปแบบใหม่ๆ จึงไม่มีช่วงไหนที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้วที่ วีซ่า จะแสดงให้เห็นถึงบทบาทและความสามารถของเราในการที่จะส่งเสริมให้ผู้บริโภค ธุรกิจ และเศรษฐกิจเดินหน้าและก้าวไกลอย่างยั่งยืน” บิ๊กการ์ กล่าวปิดท้าย