"ไนท์แฟรงค์ฯ" ประเมินสถานการณ์ตลาดคอนโดฯ บริเวณพื้นที่ชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า ณ ครึ่งปีหลัง 2564 ชะลอตัวทั้งตัวเลขอุปทาน-อุปสงค์ ผู้ประกอบการแตะเบรกเปิดโครงการใหม่ ยอดขายครึ่งปีหลังทรงตัว ลูกค้าคนไทยกลุ่มผู้ซื้อหลักถึงร้อยละ 90 จับตาคนไทยเลี่ยงโควิดระบาดในกรุงเทพฯ มองหาซื้อคอนโดฯ "ชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า" เติบโตมากขึ้นในอนาคต
นายสัญชัย คูเอกชัย ผู้อำนวยการและหัวหน้าส่วนงานวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในบริเวณพื้นที่ชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ยังคงชะลอตัวทั้งในแง่อุปทานและอุปสงค์ จากการสำรวจพบว่า จำนวนโครงการที่เปิดขายใหม่ทั้งปีมีเพียง 2 โครงการ และผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาในตลอด 2 ปีส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ยังคงรอดูสถานการณ์ในการเปิดตัวโครงการหรือพัฒนาโครงการใหม่ แม้ว่าหัวหินยังคงเป็นที่สถานที่พักตากอากาศที่นิยมมาพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนในกรุงเทพฯก็ตาม แต่ยอดขายคอนโดมิเนียมยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก
อุปทานสะสมของคอนโดมิเนียมบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า ก่อนปี 2551 ถึงครึ่งปีหลัง 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 28,055 หน่วย โดยในครึ่งปีหลัง 2564 มีอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ จำนวน 1 โครงการ ประมาณ 136 หน่วย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณซอยหัวหิน 94 อุปทานคอนโดมิเนียมโดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณชะอำคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 58 รองลงมาคือ บริเวณเขาเต่า และเขาตะเกียบมีอัตราร้อยละ 13 และ 11 ตามลำดับ อุปทานคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในบริเวณหัวหินคิดเป็นอัตราส่วนที่ร้อยละ 10 ส่วนคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในบริเวณเขาฝั่งไม่ติดทะเลคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 8 โดยคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 55 และคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 45 ของอุปทานทั้งหมด
ในครึ่งปีหลัง 2564 คอนโดมิเนียมบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า มีหน่วยขายแล้วทั้งสิ้น 20,571 หน่วย จากอุปทานทั้งหมด 28,055 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 73 โดยอัตราการขายค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลัง 2564 มีหน่วยขายได้เพียง 154 หน่วย รวมจำนวนหน่วยที่ขายได้ทั้งปีมีจำนวน 380 หน่วย จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลพบว่า ภาพรวมจำนวนหน่วยเหลือขาย ณ ธันวาคม ปี 2564 มีจำนวนประมาณ 7,484 หน่วย โดยแบ่งเป็นโครงการที่เปิดมานานเกิน 5 ปี และยังมีห้องเหลือขายอยู่ถึงประมาณ 3,200 หน่วย หรือประมาณร้อยละ 50 ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด
กลุ่มผู้ซื้อหลักในปัจจุบันเป็นกลุ่มคนไทยที่อยู่กรุงเทพฯ ถึงร้อยละ 90 และกลุ่มคนไทยต่างจังหวัดอีกประมาณร้อยละ 5 และมีชาวต่างชาติร้อยละ 5 ซึ่งเป็นกลุ่มวัยเกษียณในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส โดยชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในหัวหินจะนิยมซื้อบ้านหรือวิลล่ามากกว่าเนื่องจากค่อนข้างมีความสงบและเป็นส่วนตัวเพราะอยู่อาศัยเป็นระยะเวลานาน
คอนโดมิเนียมบริเวณเขาตะเกียบมีอัตราการขายสูงสุดในอัตราที่ร้อยละ 96 รองลงได้แก่คอนโดมิเนียมบริเวณเขาเต่าและฝั่งไม่ติดทะเล มีอัตราการขายที่ร้อยละ 95 และ 90 ตามลำดับ ในส่วนอัตราการขายบริเวณหัวหินและชะอำมีอัตราการขายที่ร้อยละ 83 และ 60 ตามลำดับ โดยบริเวณชะอำเป็นบริเวณที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายสูงสุดคือ 6,468 ซึ่งมีอุปทานเหลือขายประมาณร้อยละ 40 ของอุปทานที่เหลือขายทั้งหมด
ปัจจุบันที่ดินติดทะเลบริเวณหัวหินที่จะพัฒนาโครงการแทบไม่มีเหลือแล้ว ในส่วนของที่ดินที่ยังมีเหลือสำหรับการพัฒนาโครงการจะอยู่บริเวณชะอำ แต่พื้นที่ในบริเวณโซนชะอำยังเป็นที่นิยมน้อยกว่าหัวหิน เนื่องจากอยู่ค่อนข้างไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกหากเทียบกับคอนโดมิเนียมในหัวหิน ในส่วนพื้นที่บริเวณฝั่งภูเขาที่ไม่ติดทะเลยังมีพื้นที่เหลือให้พัฒนาโครงการอีกมาก และน่าจะเป็นที่สนใจของนักลงทุนเนื่องจากอยู่โซนเขตตัวเมืองหัวหิน และเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ
ราคาเสนอขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลในบริเวณนี้มีระดับราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 141,670 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 2 จากครึ่งปีแรก 2564 โดยโครงการใหม่ที่เห็นวิวทะเลมีระดับราคาขายต่อห้องเฉลี่ยสูงถึง 250,000 บาทต่อ ตร.ม.
ส่วนราคาเสนอขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลในบริเวณนี้ มีระดับราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70,700 บาทต่อ ตร.ม. ราคาขายค่อนข้างทรงตัว และลดลงมาเล็กในอัตราร้อยละ 0.1 จากครึ่งปีแรก 2564 เนื่องจากโครงการที่ยังมีห้องว่างเหลือขายเกินร้อยละ 50 ซึ่งอยู่บริเวณโซนชะอำ ผู้ประกอบการยังคงจัดโปรโมชันและส่วนลดอย่างต่อเนื่องเพื่อปิดการขายโครงการ
ทิศทางตลาดคอนโดมิเนียมหัวหินในปี 2565 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ยังคงรอดูสถานการณ์และชะลอการเปิดตัวโครงการหรือพัฒนาโครงการใหม่ อย่างไรก็ตาม คอนโดฯ บริเวณติดทะเลมีจำนวนหน่วยขายค่อนข้างน้อย และมีแนวโน้มที่ราคาขายจะปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่โครงการบริเวณโซนชะอำ อาจจะต้องใช้เวลาในการระบายหน่วยเหลือขายในบางโครงการ ที่ราคาอาจจะปรับลงอันเนื่องมาจากอายุของคอนโดมิเนียม แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลในแง่ลบกับตลาดคอนโดมิเนียมในบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า
ในทางกลับกัน ยังส่งผลให้กลุ่มคนในกรุงเทพฯ มีความสนใจคอนโดมิเนียมในบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่ามากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ของโลกอย่างโรคระบาดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เพราะกลุ่มผู้ซื้อมองว่า เป็นสถานที่ที่สามารถหลีกเลี่ยงโรคระบาดได้ดีกว่ากรุงเทพฯ ส่งผลให้ความต้องการของตลาดคอนโดฯ ในบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า มีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต หลังจากโรคระบาดโควิด-19 ผ่านไป