สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่ส่อเค้าว่าจะรุนแรงมากขึ้นหลังช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้รัฐบาลตัดสินใจประกาศงดการจัดงานเคานต์ดาวน์ พร้อมๆ กับการประกาศปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มเติมจากที่ลงทะเบียนไว้ เพื่อควบคุมประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน โดยคาดว่าในวันที่ 4 ม.ค.2565 นี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะการหารือและพิจารณามาตรการและดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาดของสายพันธุ์ โอมิครอนในขณะนี้สร้างความกังวลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไม่น้อย โดยขณะนี้ทุกบริษัทต่างเฝ้าจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดเพื่อประเมินสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด เพราะล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการอสังหาฯ หลายรายยังคงหวังและเชื่อว่าการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในรอบนี้จะไม่กระทบต่อตลาดอสังหาฯ มากอย่างที่หลายฝ่ายกังวล
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท พฤกษา เรีลยเอสเตท จำกัด (หาชน) กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทยขณะนี้ยังไม่น่ากังวลเพราะประชากรกว่า 70% ของประเทศได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว และสถานการณ์การแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในขณะนี้ยังสามารถควบคุมได้ ประกอบกับผู้บริโภคที่ซื้อที่อยู่อาศัยในขณะนี้เกือบทั้งหมดเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ ดังนั้น การแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนจึงยังไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ มากนัก อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือความรุนแรงอาการของโรค เพราะหากผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรงจะมีผลกระทบต่อตลาดมากขึ้น แต่หากอาการรุนแรงอย่างที่ทราบกันไม่น่าจะส่งผลมาก
สำหรับผลกระทบด้านการลงทุนจากการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนนั้น เชื่อว่ามีผลต่อการลงทุนเพราะตลาดอสังหาฯ ติดลบมานานกว่า 2 ปี ซึ่งจนถึงขณะนี้ถือว่าอสังหาฯ ไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ดังนั้น ผลกระทบต่อการลงทุนจึงไม่น่าจะอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพฤกษาฯ นั้นยังคงเฝ้าระวังปัจจัยลบที่จะเข้ามากระทบ โดยพฤกษาฯ ได้หันมาเน้นพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น เพราะรอบของแคลชโฟลว์สั้นกว่าคอนโดมิเนียม
“ส่วนกรณีที่รัฐบาลออกมาตรการงดรับนักท่องเที่ยวใหม่เพิ่ม คาดว่าจะเป็นการปิดรับนักท่องเที่ยวในระยะสั้นเพื่อประเมินสถานการณ์ และป้องกันการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในช่วงปีใหม่ไม่ให้มีการระบาดในวงกว้าง ในระยะกลางน่าจะกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวได้อีกครั้ง เพราะเศรษฐกิจไทยยังต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน”
ด้าน ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนนั้นจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดอสังหาฯ มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการหรือรับมือกับการแพร่ระบาดสายพันธุ์โอมิครอนมากน้อยแค่ไหน เพราะจำนวนการติดเชื้อของประชาชนในประเทศนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดอสังหาฯ แต่ส่งผลกระทบในทางอ้อม เพราะเมื่อเกิดการระบาดมาก จำนวนผู้ติดเชื้อมากจะทำให้ต้องควบคุมด้วยการล็อกดาวน์หรือปิดประเทศ ซึ่งจะมีผลต่อธุรกิจหยุดชะงักและกระทบไปถึงรายได้ของพนักงานหรือผู้บริโภคในตลาด ทำให้ต้องชะลอการตัดสินใจหรือยกเลิกแผนการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่เพราะปัญหาด้านรายได้ที่ลดลง
ขณะที่ นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีนิกซ์พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า การที่รัฐบาลโดย ศบค.ออกคำสั่งยกเลิกการตรวจรับคนที่เดินทางเข้าประเทศไทยแบบ Test and Go ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2565 เพื่อให้ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยอยู่ในระบบการกักตัวที่ภูเก็ต โดยกลับไปใช้ระบบ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” อีกครั้ง โดยต้องอยู่ในการกักตัว 7-10 วัน และต้องมีการตรวจโควิด-19 เมื่อเดินทางถึงประเทศไทย 2 ครั้งเพื่อที่จะได้สามารถควบคุมและติดตามคนที่เดินทางเข้าประเทศไทยได้แบบใกล้ชิด รวมไปถึงยังเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของโควิด-19
คนที่เดินทางจากต่างประเทศหลายรายเป็นต้นทางของการนำเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเข้าประเทศไทย และเริ่มมีการขยายตัวในประเทศมากขึ้น ซึ่งจำนวนของเคสใหม่ที่เกี่ยวข้องกับโอมิครอนเริ่มมากขึ้น
อีกทั้งยังกระจายไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ศบค.จึงต้องรีบเข้าจัดการเรื่องของการเดินทางเข้าประเทศไทยให้มีความรัดกุมและมีการควบคุมที่แน่นอนมากขึ้น การออกคำสั่งยกเลิกการเข้าประเทศไทยแบบ “Test and Go” มีผลต่อการตัดสินใจของชาวต่างชาติและคนไทยที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศไทย เพราะถ้าต้องเข้ามากักตัวตามระบบที่ ศบค.กำหนด มีผลต่อแผนการเดินทางท่องเที่ยวหรือธุรกิจแน่นอน ตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมจึงได้รับแจ้งการยกเลิกจำนวนมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะคนที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศไทยจำเป็นต้องทบทวนแผนการเดินทางต่างๆ อีกครั้ง ธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรมจึงได้รับผลกระทบแบบเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะยังมีความหวังว่าหลังวันที่ 4 มกราคม 2565 จะสามารถควบคุมหรือว่าจัดการปัญหานี้ได้ แต่ถ้าพิจารณาจากต่างประเทศแล้ว พบว่า มีความเป็นไปได้ที่อาจมีการล็อกดาวน์อีกครั้งหลังปีใหม่และต้องติดตามสถานการณ์ของประเทศต่างๆ ด้วย เพราะหลายประเทศกลับมาใช้การกักตัวอีกครั้งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน
ช่วงปลายปีต่อเนื่องต้นปีเป็นช่วงเวลาที่มีการเฉลิมฉลองของคนทั้งโลก มีการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศกันมากมาย คนไทยจำนวนมากอาจเลือกที่จะเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัวหรือบ้านเกิดของตนเองในต่างจังหวัด เพราะไม่ได้กลับมาหลายเดือนหรืออาจจะเป็นปี เนื่องจากโควิด-19 ซึ่งการเดินทางข้ามจังหวัด และการรวมกลุ่มกันของคนจำนวนมากนั้นเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยากในช่วงเทศกาล และถ้าพิจารณาจากช่วงเวลาสงกรานต์ที่ผ่านมาหลังจากผ่านสงกรานต์มาไม่นานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพิ่งจะอยู่ในช่วงขาลงมาไม่นานนี้เอง แต่ยังมีการติดเชื้อใหม่ๆ ทุกวัน ดังนั้น ช่วงเวลาหลังปีใหม่มีความเป็นไปได้ที่จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยจะมากขึ้น และแน่นอนว่าคงต้องใช้เวลาในการควบคุมสถานการณ์อีกหลายเดือน ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของคนไทย และเศรษฐกิจต่อเนื่องจากปี 2564
สถานการณ์ต่างๆ คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2564 ไปจนถึงปีหน้า โดยเฉพาะหลังจากการเดินทางข้ามจังหวัดเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ดังนั้น ถ้าสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อใหม่อยู่ในอัตราที่ไม่สูงมาก (ไม่มากกว่าปัจจุบันมากนัก) ก็อาจจะไม่มีมาตรการอะไรออกมาเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด แต่ถ้าสถานการณ์เลวร้ายกว่าปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อใหม่มากกว่าช่วงเวลาก่อนสิ้นปี 2564 และส่วนใหญ่เป็นสายพันธฺุโอมิครอน มีความเป็นไปได้ที่ ศบค. จะมีมาตรการควบคุมการใช้ชีวิตของคนในประเทศอีกครั้งซึ่งแน่นอนว่ามีผลต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ไม่ใช่แค่เดือนมกราคมเท่านั้น แต่ไตรมาสที่ 1 อาจจะไม่แตกต่างจากปีนี้มากนัก และช่วงครึ่งแรกของปี 2565 คงไม่ได้มีการขยายตัวในทุกๆ ธุรกิจแบบที่ภาคเอกชนต้องการ ต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 อีกครั้ง
ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมยังต้องชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ออกไปก่อน แม้ว่าทางผู้ประกอบการหลายรายจะมีแผนเปิดขายโครงการใหม่ออกมาบ้างแล้ว แต่ยังคงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ตลาดคอนโดมิเนียมอาจจะขยายตัวอยู่ในช่วง 5-10% จากปีที่ผ่านมา ความต้องการบ้านจัดสรรจะยังคงมีต่อเนื่องแบบปี 2564 โดยเฉพาะในกลุ่มของบ้านราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทต่อยูนิต และบ้านราคา 15 ล้านบาทต่อยูนิตขึ้นไป กลุ่มลูกค้าเฉพาะหรือกลุ่มคนที่มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงยังเป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มผู้ประกอบการ โครงการที่อยู่อาศัยราคาไม่แพงยังเป็นโครงการที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญต่อเนื่อง
แม้ว่ากลุ่มผู้ซื้อจะติดปัญหาในการขอสินเชื่อ แต่ยังคงหาผู้ซื้อใหม่ได้เร็ว เพราะฐานผู้ซื้อมีขนาดใหญ่ ถ้าอัตราการติดเชื้อใหม่อยู่ในจำนวนที่ใกล้เคียงกับช่วงปลายปี 2564 อาจจะไม่มีมาตรการอะไรจากทาง ศบค.เพิ่มเติม กิจกรรมทางการตลาดคงเริ่มกลับมามากกว่าช่วงที่ผ่านมา และความเชื่อมั่นของคนไทยจะมากขึ้น กลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบเดิม ภาวะเศรษฐกิจต่างๆ จะกลับมาขยายตัวมากขึ้นกว่าปี 2564 ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมจะเริ่มมีการขยายตัวในเรื่องของรายได้มากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่ทั่วถึง และสัดส่วนของรายได้ที่เข้ามายังน้อยมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ก็ตาม แต่ยังดีกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ความเชื่อมั่นของคนในประเทศจะมากขึ้น และมีผลต่อการใช้จ่ายของพวกเขา ซึ่งสุดท้ายแล้วจะผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวมากขึ้น โครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ จะมีการเปิดขายโครงการใหม่มากขึ้น คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่อาจจะมีจำนวนมากขึ้นกว่าปี 2564 ประมาณ 20% ขึ้นไป ในขณะที่ตลาดบ้านจัดสรรยังคงมีอัตราการขยายตัวที่มากกว่าคอนโดมิเนียมต่อเนื่องจากปี 2564
รายได้จากต่างประเทศแทบไม่มีแน่นอนแล้วในช่วงปลายปีต่อเนื่องต้นปี รายได้จากคนในประเทศยังพอมีความหวังบ้าง รัฐบาลพยายามออกมาตรการต่างๆ มาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายของคนในประเทศ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่ด้วยความวิตกกังวลกับสถานการณ์นี้คงไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ในระยะยาว อาจจะกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายได้บ้างช่วงสิ้นปีต่อเนื่องต้นปี เพราะหลายคนยังคงไม่เปลี่ยนแผนการท่องเที่ยวภายในประเทศของตนเอง เพียงแต่เพิ่มความระมัดระวัง และมีความเข้มงวดมากขึ้น แต่ถ้าคนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศขาดความระมัดระวัง มีความเป็นไปได้ที่ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมยังอยู่ในภาวะชะงักงันต่อไป การบอกขายกิจการหรือลอยแพพนักงานคงมากขึ้น แม้ว่าช่วงเวลาที่สถานการณ์เลวร้ายอาจจะไม่นาน แต่ต้องไม่ลืมว่าธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมอยู่ในภาวะแบบนี้มา 2 ปีแล้ว พวกเขาหมดหนทางในการรักษากิจการหรือไม่มีช่องทางในการฟื้นฟูกิจการแล้ว ถ้าไม่มีรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom หรือ LWS) ในเครือ บมจ.แอล.พี.เอน.ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน จะเป็นหนึ่งในปัจจัยลบของตลาดอสังหาฯ เพราะถ้าเกิดการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงอีกรอบ อาจส่งผลกระทบต่อตลาดในปี 2565 อีกหนึ่งปัจจัยคือภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและความมั่นใจของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2564 ตลาดรวมอสังหาฯ ชะลอลงเล็กน้อย โดยเฉพาะคอนโด และทาวน์เฮาส์ ส่วนบ้านเดี่ยว เติบโตเพิ่มขึ้นทั้งยอดขายและโอนกรรมสิทธิ์โดยกลุ่มบ้านตลาดบนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นตัวขับเคลื่อนทำให้ภาพรวมตลาดชะลอตัวไม่มากนัก ส่วนปี 2565 ยังต้องจับตาดูสถานการณ์ต่อเนื่อง มีปัจจัยการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ มีความกังวลอยู่เล็กน้อย หลังเริ่มเห็นสถานการณ์การแพร่ระบาดในต่างประเทศโดยเฉพาะอังกฤษและอเมริกาที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดโดยรวมหลังจากรัฐบาลได้เริ่มเปิดประเทศรับชาวต่างชาติ เมื่อ 1 พ.ย.2564 ที่ผ่านมา ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากสภาพรถบนถนนเริ่มกลับมาติด ห้างสรรพสินค้าคนกลับมาจับจ่ายใช้สอยแล้ว ร้านค้าแบรนด์เนมเริ่มเห็นการเข้าคิวรอซื้อสินค้า ขาดแต่เพียงนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาเติมเต็ม เพราะในบางประเทศยังปิดตัวเองอยู่ แต่เริ่มเห็นหลายธุรกิจมีการฟื้นตัวแล้ว รวมถึงตลาดอสังหาฯ ด้วย
“สังเกตได้จากที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ เริ่มกลับมาเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้น ขณะที่บริษัทอสังหาฯ เริ่มกลับมามียอดขายที่ดีขึ้นไม่ว่าจะทั้งยอดขายทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม รวมถึงกำลังซื้อจากลูกค้าต่างชาติ เพียงแต่พฤติกรรมลูกค้าต่างชาติจะต่างไปจากเดิม ตรงที่เป็นลูกค้าต่างชาติชาวจีนที่มีฐานธุรกิจในไทย โดยมาซื้อโครงการอสังหาฯ ในรูปแบบบิ๊กล็อต หรือซื้อเป็นจำนวนหลายยูนิต ซึ่งต้องถือว่าต่างชาติกลุ่มนี้จับจังหวะในการเข้าลงทุนค่อนข้างเก่ง”