xs
xsm
sm
md
lg

เชือด 3 โบรกเกอร์คริปโต / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานถึงการลงโทษบริษัทนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซี จำนวน 3 ราย ในความผิดต่างๆ และดูเหมือนจะเป็นกรณีแรกที่ดำเนินการเอาผิดกับโบรกเกอร์ซื้อขายเงินดิจิทัล

โบรกเกอร์คริปโต 3 รายที่ถูกลงโทษประกอบด้วย บริษัท บิทาซซ่า จำกัด ถูกปรับเงิน 3.56 ล้านบาท บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถูกปรับ 4.65 ล้านบาท และบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ถูกปรับเป็นเงิน 3.97 ล้านบาท

ความผิดส่วนใหญ่เกี่ยวกับการไม่นำสินทรัพย์ดิจิทัลไปฝากกับผู้ให้บริการรับฝากตามกฎเกณฑ์ ขณะที่บริษัท บิทคับ ออนไลน์ ถูกลงโทษในความผิดถึง 8 กระทง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาระบบงานภายในและไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต.

นักลงทุนมักคุ้นชินกับการลงโทษบริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทนายหน้าซื้อขายหุ้น โดยเฉพาะพนักงานที่กระทำความผิด แต่ไม่ค่อยได้เห็นการลงโทษบริษัทนายหน้าซื้อขายเงินดิจิทัล เพราะธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซีเพิ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ปี

แต่หลังจากนี้คงจะได้เห็นข่าวการลงโทษโบรกเกอร์ซื้อขายเงินดิจิทัลมากขึ้น เพราะธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนบริษัทโบรกเกอร์อาจวางระบบรองรับไม่ทัน

โบรกเกอร์ซื้อขายคริปโตที่ได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต. มีจำนวนทั้งสิ้น 8 ราย โดยบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ยังไม่เปิดดำเนินการ ส่วนอีก 7 รายเปิดให้บริการแล้ว

บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด เป็นโบรกเกอร์ยักษ์ใหญ่ ครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 92% มีผู้เปิดบัญชีซื้อขายเหรียญดิจิทัลสกุลต่างๆ ประมาณ 1.3 ล้านราย โดยกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ ทำสัญญาจะซื้อหุ้นบิทคับ ออนไลน์ ในสัดส่วน 51% ของทุนจดทะเบียน วงเงิน 17,850 ล้านบาท

จำนวนผู้ที่เปิดบัญชีซื้อขายเหรียญดิจิทัล ตัวเลขล่าสุดที่ ก.ล.ต.รายงานมีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1.63 ล้านราย โดยที่ผ่านมาอัตราเติบโตเฉลี่ยเดือนละ 27.6% และคาดว่า จำนวนผู้เปิดบัญชีใหม่จะเพิ่มขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์เดือนละ 2 หลักอีก 2-3 ปี

การเติบโตที่ก้าวกระโดดของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล อาจทำให้บริษัทโบรกเกอร์ปรับระบบงานรองรับไม่ทัน โดยเฉพาะ “บิทคับ ออนไลน์” ซึ่งถูก ก.ล.ต.ลงโทษหลายครั้งแล้ว รวมทั้งสั่งให้งดรับลูกค้ารายใหม่จนกว่าจะปรับปรุงระบบงานให้รองรับบริการลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม การลงโทษโบรกเกอร์ค้าคริปโตครั้งนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ก.ล.ต.ได้มีระบบการกำกับดูแล และตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทค้าเงินดิจิทัลได้ดีในระดับหนึ่ง

เพราะสามารถตรวจสอบการกระทำความผิดต่างๆ ได้ นำไปสู่บทลงโทษ และการกดดันให้เกิดการแก้ไข เพื่อปกป้องคนที่เข้าไปซื้อขายเก็งกำไรเงินรูปแบบใหม่ของโลก

คนที่ซื้อขายเงินดิจิทัลแม้ส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่ คนหนุ่มคนสาว และพร้อมแบกรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาเหรียญ แต่ไม่ควรต้องเสี่ยงความผิดพลาดในระบบบริการของโบรกเกอร์อีก

ก.ล.ต.จึงต้องกำกับดูแลและตรวจสอบ บริษัทโบรกเกอร์ซื้อขายคริปโตอย่างใกล้ชิดและเข้มงวด

ธุรกิจสินทรัพยดิจิทัลกำลังเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด ทั้งจำนวนผู้ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจ ทั้งจำนวนผู้ที่เข้ามาซื้อขายเก็งกำไร และถ้าจำนวนผู้เล่นเติบโตเดือนละไม่ต่ำกว่า 10%

ใน 2-3 ปีข้างหน้า จำนวนผู้เล่นคริปโตอาจพุ่งแซงหน้าจำนวนผู้เล่นหุ้น ซึ่งตัวเลขล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีผู้เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น จำนวน 3.05 ล้านราย

หุ้นเป็นการลงทุนในโลกยุคเก่า ซึ่งอาจรวยหรือจนเพียงชั่วข้ามคืน แต่คริปโตเป็นการเก็งกำไรในโลกยุคใหม่ และรวยจนในชั่วพริบตา








กำลังโหลดความคิดเห็น