ขณะที่ผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นออกมาประสานเสียงคัดค้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เตรียมเก็บภาษีจากการขายหุ้น แต่นักลงทุนตัวจริงเสียงจริงกลับออกมาประกาศ พร้อมจ่ายภาษี ถ้ามีการเรียกเก็บจริง
นายวัชระ แก้วสว่าง หรือเสี่ยป๋อง ฉายา LOSO BILLIONAIRE นักลงทุนรายใหญ่ พอร์ตลงทุนนับพันล้านบาท และลงทุนในตลาดหุ้นมาเกือบ 30 ปี เป็นคนในแวดวงตลาดหุ้นเพียงคนเดียวที่มีความเห็นต่างในประเด็นการเก็บภาษีการขายหุ้น
และนอกจากไม่แสดงท่าทีคัดค้านแล้ว ยังประกาศจุดยืน ยินดีถูกเรียกเก็บภาษี ขอเพียงให้กระทรวงการคลังแจ้งล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัวรับมือกับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น
แนวความคิดการเก็บภาษีการขายหุ้น เบื้องต้น กำหนดในอัตรา 0.10% ของมูลค่าการขายหุ้น และจะเก็บเฉพาะรายการขายหุ้นที่มีมูลค่าเกิน 1 ล้านบาทขึ้นไป
เสี่ยป๋อง ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่จึงอยู่ในข่ายที่จะต้องจ่ายภาษี เพราะรายการขายหุ้นแต่ละครั้งน่าจะเกิน 1 ล้านบาท
แต่เสี่ยป๋อง ไม่ได้แสดงความกังวลกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ไม่ได้วิพากษ์ถึงอัตราภาษีที่กระทรวงการคลังจะเรียกเก็บ และไม่ได้มองว่า จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างรุนแรงเหมือนคนในแวดวงตลาดหุ้นรายอื่นๆ
ต้องชื่นชมจิตใจที่เปิดกว้างของเสี่ยป๋อง ซึ่งพร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลง แม้จะส่งผลกระทบต่อตัวเองโดยตรงก็ตาม แต่ภาษีที่จะเรียกเก็บเป็นผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ และนักลงทุนควรเสียสละเพื่อส่วนรวม
เสี่ยป๋อง ไม่มีเงื่อนไขต่อรองในเรื่องเวลาที่จะจัดเก็บ และถ้าเก็บในช่วงนี้ไม่เห็นว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมแต่อย่างใด
เพียงแต่แจ้งให้นักลงทุนทราบล่วงหน้าเท่านั้น
เสี่ยป๋อง เป็นนักลงทุนรายใหญ่ ซื้อขายหุ้นโดยอิงสัญญาณทางเทคนิค หรือใช้กราฟเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจ และเป็นนักลงทุนที่เข้าออกเร็ว ซื้อขายถี่ เมื่อถูกเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นทำให้มีภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น
แต่เสี่ยป๋อง กลับไม่รู้สึกเดือดร้อนจนต้องออกมาร้องโวยวายเหมือนใคร เพราะรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้วที่นักลงทุนจะต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อรายได้ของประเทศ
และถ้าบรรยากาศการลงทุนสดใส นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ ทุกคนคงพร้อมแบกภาระภาษี ไม่มีใครหนีออกจากตลาดหุ้น ไม่มีใครชะลอการลงทุน มูลค่าการซื้อขายหุ้นคงไม่หดหาย
แต่ในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวน นักลงทุนขาดทุน อาจเกิดชะลอการซื้อขาย ทำให้มูลค่าซื้อขายหดตัวลง ซึ่งไม่ใช่ผลโดยตรงจากการเก็บภาษี
เสียงสะท้อนการเก็บภาษีขายหุ้นไม่ได้มีเพียงมุมมองเดียว ไม่ได้มีเฉพาะผลกระทบ เพราะประโยชน์ที่ตามมาก็มีเหมือนกัน นอกจากมีรายได้เข้ารัฐแล้ว ยังช่วยลดพฤติกรรมการเก็งกำไรระยะสั้น โดยเฉพาะการซื้อขายหุ้นวันต่อวัน หรือวันละหลายๆ ครั้ง
และยังลดพฤติกรรมการซื้อขายในลักษณะการสร้างราคาหุ้นด้วย เพราะเมื่อมีภาระต้นทุนในการซื้อขายเพิ่มขึ้น แก๊งปั่นหุ้นซึ่งใช้วิธีโยนคำสั่งซื้อขายเพื่อสร้างภาพลวงตา จะต้องคิดหนักในการปั่นหุ้นแต่ละตัว
ประเด็นที่แทบทุกฝ่ายเห็นด้วยและน่าจะร่วมกันคัดค้านมีเพียงประเด็นอัตราภาษีการขายหุ้นที่จะเรียกเก็บเท่านั้น เพราะอัตรา 0.10% หนักไปหน่อย
ถ้าเก็บภาษีกันพอหอมปากหอมคอ เริ่มต้นสัก 0.01% ของมูลค่าการขายหุ้น หรือขายหุ้น 1 ล้านบาท จ่ายภาษี 100 บาท ไม่น่าจะมีใครออกมาต่อต้านกระทรวงการคลัง
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ถอยหลังหนึ่งก้าว ลดอัตราภาษีการขายหุ้นลง ก่อนเดินหน้าเก็บภาษีจริง รับประกนเสียงสนับสนุนท่วมท้น
เพราะแม้แต่ขาใหญ่อย่าง “เสี่ยป๋อง” ยังชูธงสนับสนุน