เข้าสู่โค้งส่งท้ายปี 2564 สถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ค่อยๆ ดีขึ้นต่อเนื่องไปถึงปี 2565 ทั้งจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศไทยลดลงต่อเนื่อง นโยบายของภาครัฐต่อการลงทุนในโครงการต่างๆ การเปิดเมืองเปิดประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวเริ่มปรับตัวดีขึ้น
และหากวัดตามข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้อัปเดตตัวล่าสุดจากการปรับมุมมองต่อตลาดอสังหาฯ จะชี้ชัดว่า "ปี 64 อสังหาฯ ถึงจุดต่ำสุดแล้ว" โดยประเมินว่าปี 65 ที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมีประมาณ 85,912 หน่วย เติบโตเกือบ 100% เมื่อเทียบกับปี 64 แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่มีหน่วยเปิดใหม่อยู่ที่ 100,070 หน่วย และคาดว่าปี 66 หน่วยเปิดใหม่จะทะลุเกินกว่าค่าเฉลี่ยมาอยู่ที่ 100,912 หน่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากภาพรวม Market Share ของฝ่ายวิจัยเชิงกลยุทธ์ของบริษัทอสังหาฯ แห่งหนึ่ง ระบุว่า 10 แบรนด์อสังหาฯ รายใหญ่ในรอบ 9 เดือนแรกของปี 64 ยังคงเป็นผู้เล่นหลักที่มีส่วนแบ่งตลาดในตลาดอสังหาฯ มาอย่างต่อเนื่อง (เอพีฯ พฤกษาฯ เอสซีฯ แสนสิริฯ แลนด์ฯ เฟรเซอร์สฯ ศุภาลัยฯ ออริจิ้นฯ อนันดาฯ และพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค) โดยเฉพาะแบรนด์บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 2561 เรื่อยมามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนขึ้นเป็นผู้นำที่มีส่วนแบ่งมากในรอบ 9 เดือนของปีนี้ โดยมีความแข็งแกร่งในกลุ่มตลาดบ้านเดี่ยวที่มียอดขายมาจากการเปิดโครงการใหม่ในระดับราคา 7 ล้านบาท และมากกว่า 15 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโต (opportunity) ขณะที่บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กลับมาดีขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะจากโครงการแนวราบ
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้เราจะพบเห็นว่ามีบริษัทอสังหาฯ หลายแห่ง เช่น บมจ.เอพี ไทยแลนด์ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท บมจ.ศุภาลัย บมจ.แสนสิริ และ บมจ.ออริจิ้น เพิ่มการลงทุนเปิดการขายโครงการใหม่เป็นจำนวนมาก เพื่อให้ได้ตามแผนเป้าเปิดโครงการใหม่ตลอดปี 64 สร้างยอดขายล่วงหน้าและยอดรับรู้รายได้ที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องในปี 2565 ซึ่งจะส่งผลถึงผู้นำที่มีส่วนแบ่งตลาดอย่างแข็งแกร่ง
"ประทีป ตั้งมติธรรม" ฟันธงอสังหาฯ ปี 65 เริ่มฟื้น
ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ได้รีวิวภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปี 2564 และแนวโน้มของตลาดอสังหาฯ ในปี 2565 ว่า ในปีนี้ (64) ตลาดอสังหาฯ เกิดสะดุดจากสถานการณ์โควิด-19 เจอเรื่องการปิดเมือง ช่วงนั้นลำบาก และมาเจอเหตุการณ์การปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง (ตลอดเดือนก.ค.เป็นการชั่วคราว) ทำให้สะดุดลงไปบ้าง ตอนนั้นทุกอย่างชะลอไป 1-2 เดือน แต่ในปัจจุบันทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โรงงานต่างๆ ดีขึ้น โรงแรมหรือรีสอร์ตมีอัตราการเข้าพักในช่วงวันหยุดเต็ม
"เรามองโลกในแง่ดี หวังว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น และหวังว่าปี 2565 ทุกอย่างต้องดีกว่าปี 64"
"ซึ่งปัจจัยที่เข้ามาขับเคลื่อนให้ภาคอสังหาฯ เติบโตได้ เช่น การผ่อนคลายมาตรการ LTV ที่เป็นปัญหาอุปสรรคหายไป เรื่องรัฐบาลที่ส่งเสริมให้คนต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาฯ เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น ซึ่งการซื้ออสังหาฯ ในเมืองไทยโดยที่ต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมได้เป็นหลัก ยังไม่สามารถซื้อบ้านจัดสรรได้ ยกเว้นจะเข้าหลักเกณฑ์ของ BOI ทั้งนี้ การซื้อคอนโดฯ ในเมืองไทยเทียบเท่ากับการส่งเสริมการส่งออก โดยที่สินค้า (อสังหาฯ) ยังอยู่เมืองไทย เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้คนนำเงินเข้ามาลงทุนในบ้านเรา เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างถาวรด้วย เพราะเมื่อคนต่างชาติมีคอนโดฯ แล้ว แต่ละปีต้องมาพักผ่อนในประเทศไทยหลายครั้ง อยู่นานขึ้น อยู่เป็นเดือนๆ ประเทศไทยได้ประโยชน์ เรียกว่า 3 อย่าง ยิงนกทีเดียวได้ 3 ตัว ผมว่าเป็นวิธีและเป็นมูฟที่ถูกต้อง สิ่งที่รัฐบาลดำเนินนโยบายเหล่านี้จะค่อยๆ เห็นผลในปีนี้และต่อเนื่องไปถึงปี 65 แต่การฟื้นตัวต้องใช้เวลา ไม่ใช่จมลงแล้วจะดีดขึ้นมาดีภายในเดือนเดียว ต้องให้เวลา" ดร.ประทีป กล่าวและวิเคราะห์ถึงดีมานด์ของตลาดที่อยู่อาศัยว่า
จริงๆ แล้วความต้องการในกลุ่มราคา 1-2 ล้านบาท เป็นตลาดที่ใหญ่และมีความต้องการมากที่สุด เป็นคนหนุ่มสาวที่มีอายุ 25-35 ปี แต่มีปัญหามักจะก่อหนี้ค่อนข้างสูง ทำให้จะมีแนวโน้มถูกปฏิเสธสินเชื่อสูง (รีเจกต์เรต) ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้พฤติกรรมการจะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยนั้น หากยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่ได้รีบตัดสินใจ และไม่แน่ใจจะทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ นานแค่ไหน บางคนมาจากต่างจังหวัดแล้วมาทำงานกรุงเทพฯ ยังไม่ซื้อบ้านและไม่รู้ว่าจะกลับภูมิลำเนาเดิมหรือไม่
ศุภาลัยสร้างนวัตกรรมที่อยู่อาศัย-ดีไซน์บ้านอารมณ์รีสอร์ต
สำหรับทิศทางการแข่งขันในภาคธุรกิจอสังหาฯ นั้น ดร.ประทีป พูดถึงศักยภาพของแต่ละบริษัทว่า แต่ละคน (บริษัทเอกชน) ต้องไปคิดของตนเอง แต่ละคนต้องไปคิดวิธีการออกสินค้าใหม่ ซึ่งในส่วนของบริษัทศุภาลัยฯ สิ่งที่เราทำกำลังนำไปสู่นิวเอสเคิร์ฟใหม่ๆ เริ่มจากมีการออกโปรดักต์ใหม่ๆ มาตลอด เช่น การพัฒนาโครงการในรูปแบบที่มุ่งเชิงตากอากาศมากขึ้น เน้นในหัวเมืองท่องเที่ยว ดีไซน์ของโครงการที่เป็นบ้านพักอารมณ์ตากอากาศ อย่างเช่นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี กับโครงการศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ สุราษฎร์ธานี บ้านรีสอร์ตที่อยู่ริมแม่น้ำ โครงการที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา บ้านจะอยู่ริมเขา อากาศดี หรือการดีไซน์โครงการให้มีทะเลสาบใหญ่ (เลควิว) อย่างโครงการศุภาลัย เลค วิลล์ ภูเก็ต เป็นต้น
"เรากำลังออกแบบรวมบ้านชานเมือง รวมบ้านตากอากาศไว้อยู่ในหลังเดียวกัน ถ้าเป็นบ้านตากอากาศได้ด้วยก็รื่นรมย์ คอนเซ็ปต์จะเป็นโล่งโปร่งแบบบ้านชานเมือง รื่นรมย์แบบบ้านตากอากาศ แต่ไม่ได้ทำทุกโครงการ เราจะทำเท่าที่เราทำได้ และอีกส่วนเราจะทำบ้านและปรับปรุงประโยชน์ใช้สอยให้ดีขึ้น เช่น ทาวน์เฮาส์ จะทำประโยชน์ใช้สอยให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไร บ้านเดี่ยวจะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไร ตอบโจทย์ลูกค้า เราพยายามหาข้อมูลจากลูกค้า อีกด้านเราพยายามเกาะติดกับเทคโนโลยี บ้านอัจฉริยะ มีระบบเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องการประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งเราเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องบ้านประหยัดพลังงาน รวมถึงพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวราคาแพงจาก 2 ชั้นเป็นรูปแบบ 3 ชั้น เนื่องจากที่ดินแพงขึ้น เช่น โครงการศุภาลัย เอเลแกนซ์ บรมราชชนนี 121 บ้านเดี่ยว 3 ชั้นหลังใหญ่ ราคา 20 ล้านบาทบวกลบ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำโครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้นและปิดการขายไปแล้ว ได้แก่ ศุภาลัย เอสเซ้นส์ สวนหลวง และที่ลาดพร้าว แต่ขนาดไม่ใหญ่เท่ากับโครงการที่บรมราชชนนี ที่รองรับเรื่องการติดตั้งลิฟต์ไว้สำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น"
เอพีกับความแข็งแกร่ง ผู้นำบ้านเดี่ยวไฮเอนด์
ยอดขายทั้งปีแตะนิวไฮครั้งใหม่ที่ 32,850 ล้านบาท โต 24%
นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากแผนธุรกิจการบริหารพอร์ตแนวราบที่แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว ภายใต้พันธกิจใหญ่ EMPOWER LIVING ที่ส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ ส่งผลให้ยอดขายล่าสุด ณ 30 พ.ย.64 สินค้ากลุ่มแนวราบเครือเอพี สามารถสร้างยอดขายสุทธิเติบโตสูงสุดเกินจากคาดการณ์ ทะลุเป้าทั้งปี แตะนิวไฮครั้งใหม่ที่ 32,850 ล้านบาท เติบโตกว่า 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยเฉพาะสินค้าบ้านเดี่ยวเครือเอพี ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากในทุกตลาดที่โฟกัส โดยมี 2 ท็อปแบรนด์ไฮไลต์ในพอร์ตสินค้าบ้านเดี่ยวที่สร้างยอดขายดีต่อเนื่องในปีนี้ ได้แก่ แบรนด์ CENTRO บ้านเดี่ยว 2 ชั้นดีไซน์โมเดิร์นสำหรับการเริ่มต้นครอบครัวเซกเมนต์กลางบน ระดับราคาขาย 5-10 ล้านบาท และแบรนด์ THE CITY บ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่ในเซกเมนต์ไฮเอนด์ ระดับราคาขาย 11-30 ล้านบาท ที่สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้อย่างตรงจุด จนสามารถได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าและเป็นแบรนด์ที่สามารถสร้างการเติบโตด้านยอดขายได้โดดเด่นต่อเนื่อง และในส่วน 3 ทำเลฮอตที่ขายดีโดดเด่นในปีนี้ ได้แก่ ทำเลปิ่นเกล้า-ราชพฤกษ์ ทำเลรามอินทรา และทำเลสุขุมวิท-อ่อนนุช
หนึ่งในคีย์ซัคเซสความแข็งแกร่งของสินค้าบ้านเดี่ยวเครือเอพี คือ การพัฒนาและออกแบบเพื่อให้สอดรับกับความต้องการและพฤติกรรมของดีมานด์ในแต่ละพื้นที่ ภายใต้จุดยืน “บ้านที่เข้าใจชีวิต” การดีไซน์บ้านเดี่ยวที่เน้นสเปซฟังก์ชันใหม่และมากกว่าเดิม ผนวกเข้ากับแนวคิด Next Normal ที่จะตอบรับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของครอบครัวคนเมือง พร้อมการบริหารแพกเกจราคาขายที่คุ้มค่าที่สุดในแต่ละย่านที่ทำการเปิดขาย ทั้งในเรื่องการใช้พื้นที่ภายในบ้าน การออกแบบพื้นที่ของสมาชิกแต่ละคนในครอบครัวให้ตอบโจทย์การทำงานที่บ้าน การเรียนออนไลน์ การทำครัว พื้นที่สีเขียวรอบบ้าน หรือแม้กระทั่งทิศทางของแสงธรรมชาติในตัวบ้าน รวมถึงการออกแบบพื้นส่วนกลางในโครงการแบบ Next Normal เช่น การปั่นจักรยานแบบ Virtual Training และ Virtual Gym และการอยู่ร่วมกับธรรมชาติรอบๆ โครงการ เป็นต้น
อนึ่ง ตามแผนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 64 เอพี ไทยแลนด์ จะเปิดถึง 12 โครงการ มูลค่ารวม 8,570 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮม 9 โครงการ มูลค่ารวม 5,010 ล้านบาท ด้วยจุดขาย “พลิกแนวคิดชีวิตแนวตั้ง” กับทาวน์โฮมแบรนด์บ้านกลางเมือง และพลีโน่ พร้อมบ้านเดี่ยวแบรนด์เซนโทร (CENTRO) 3 โครงการใหม่ มูลค่า 3,560 ล้านบาท กับการเน้นย้ำจุดยืน “บ้านที่เข้าใจชีวิต”
ส่องพฤกษา วางเป้าท็อปทรีบ้านเดี่ยว-ครองตลาดทาวน์เฮาส์
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พฤกษาฯ ยังคงมุ่งมั่นในเป้าหมายที่จะขยายตลาดโครงการแนวราบมากยิ่งขึ้น โดยเรามั่นใจการเป็นผู้นำยอดขายอันดับ 1 ในตลาดทาวน์เฮาส์ ส่วนโครงการบ้านเดี่ยว ปัจจุบัน ส่วนแบ่งตลาดอาจจะอยู่อันดับ 4 ซึ่งมีเป้าที่จะขยับขึ้นมาอยู่ใน 1 ใน 3 (ท็อปทรี)ในยอดขายบ้านเดี่ยว เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าบ้านแฝด
"ผมว่าปี 65 ตลาดอสังหาฯ ปรับตัวดีขึ้น โดยสินค้าบ้านเดี่ยวของพฤกษาในปีหน้ายอดขายจะเติบโตถึงร้อยละ 20 รวมทั้งจะขยายกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียมมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังมีสุขภาพดี มีความต้องการอยู่ และไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องโควิด-19" นายปิยะ กล่าว
พฤกษาวิลล์จับมือออมสิน ออกโปรเด็ด กู้ปีนี้ผ่อนปีหน้า
ด้าน นายธีระ ทองวิไล กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทฯ กล่าวว่า ได้ผนึกกำลังกับธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นพันมิตรกับพฤกษาและเป็นธนาคารที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ร่วมกันจัดแคมเปญพิเศษเอาใจคนอยากมีบ้าน ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี “กู้ปีนี้ผ่อนปีหน้า” สำหรับลูกค้าที่จองทาวน์โฮมพร้อมอยู่แบรนด์พฤกษาวิลล์ 13 ทำเลทั่วประเทศ รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น กู้ปีนี้ผ่อนปีหน้า พฤกษาวิลล์ใจดี ให้อยู่ก่อนผ่อนทีหลัง ปลอดเงินต้นและดอกเบี้ย 0% นานถึง 6 เดือน ฟรี! ค่าจัดทำนิติกรรมสัญญาและค่าบริการสินเชื่อ สำหรับลูกค้าธนาคารออมสิน รับส่วนลดเพิ่มอีก 20,000 บาท กู้บ้าน ลุ้นล้านกับสลากดิจิทัล รับสิทธิพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2564 นี้เท่านั้น สำหรับลูกค้าที่มีความกังวลในเรื่องการกู้ หรือไม่มั่นใจว่ามีรายได้เพียงพอที่จะซื้อบ้าน สามารถรับคำปรึกษากับทีม Financial Clinic ที่พร้อมดูแลเรื่องการกู้บ้านโดยเฉพาะ
โดยทาวน์โฮม พฤกษาวิลล์ มีให้เลือกหลายหลายทำเลศักยภาพ ที่เน้นให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวก ใกล้สวนส่วนกลาง เฟสใหม่ด้านหน้าโครงการฯ ทั้งโซนบางนา พระราม 5 เพชรเกษม-ศาลายา และเชียงใหม่ พร้อมเข้าอยู่แล้ววันนี้ ราคาเริ่มต้น 1.79 -3.09 ล้านบาท สิทธิพิเศษเพียงจอง ทำสัญญา และโอนบ้านภายใน 31 ธันวาคม 2564 รับทันที ViMUT Family Card สำหรับใช้บริการด้านสุขภาพพร้อมโปรแกรมตรวจสุขภาพฟรีที่โรงพยาบาลวิมุต
แสนสิริมองโอกาสขยายตลาดตอบโจทย์ทุกกลุ่มกำลังซื้อ
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ปลายปี 2564 มีสัญญาณที่ดีขึ้นและมองว่าเกณฑ์ LTV ใหม่จะรองรับ Real Demand จริง ที่ไม่ได้เกิดจากการซื้อเพื่อเก็งกำไรในภาคอสังหาฯ เห็นได้จากความต้องการที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไปของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านหลังแรกหรือบ้านหลังที่ 2 เพื่อเปลี่ยนหรือขยับขยายที่อยู่อาศัยใหม่ เช่น กลุ่มลูกค้าที่มีบ้านอยู่แล้ว แต่อยากได้คอนโดในเมืองที่ใกล้ที่ทำงาน หรือใกล้โรงเรียนลูก กลุ่มลูกค้ามีบ้านหลังแรกอยู่แล้ว แต่ต้องการขยายครอบครัวในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ขึ้น หรือกลุ่มลูกค้ามีคอนโดอยู่แล้ว แต่อยากได้บ้าน ทาวน์โฮมราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท เพื่อเพิ่มพื้นที่อยู่อาศัยให้กว้างขึ้น
โดยแสนสิริได้รวบรวมโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่จาก 12 โครงการ เป็นเจ้าของบ้านจากแสนสิริง่ายในทุกระดับราคา ตั้งแต่ 1.4-36 ล้านบาท เช่น
- อยากได้คอนโดใหม่ ต้องได้ กู้ได้เต็ม 100% ไม่ต้องดาวน์ หรือซื้อคอนโดราคาเบาๆ เป็นบ้านหลังที่ 2 ใกล้ออฟฟิศ ใกล้โรงเรียนลูก
- รวมบ้านใหญ่ กู้เต็มร้อย แม้ราคาเกินสิบล้าน* ตอบรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการขยายครอบครัว
- รวมทาวน์โฮม บ้านต่ำกว่า 10 ล้าน* กู้ได้เต็ม 100 ตอบรับกลุ่มลูกค้าที่อยากเปลี่ยนจากอยู่คอนโด เพิ่มพื้นที่มาอยู่ทาวน์โฮมหรือบ้านเดี่ยว
"แสนสิริกับผลงานในรอบ 10 เดือน สามารถสร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 28,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท และมียอดโอนที่อยู่อาศัยแล้วกว่า 24,300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท ทั้งนี้ จากทิศทางที่ดีดังกล่าวเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน"
และคงต้องติดตาม "มาตรการของรัฐบาล" ที่จะมีการประชุม ครม.ภายในสัปดาห์หน้า (21 ธ.ค.) ถึงแนวทางออกแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อครั้งใหญ่เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้ประชาชน รวมถึง มาตรการในส่วนการส่งเสริมธุรกิจอสังหาฯ ให้เป็น "ของขวัญ" ส่งท้ายปีก็ได้!