SET INDEX ปิดตลาด +7.60 จุด โบรกฯ ชี้นักลงทุนรอดูท่าทีผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งอาจส่งผลต่อท่าทีการกำหนดนโยบายในการประชุมของธนาคารกลางอื่นด้วย อีกทั้งยังรอดูท่าทีของ ศบค.ชุดใหญ่ ในการออกมาตรการผ่อนคลายโควิด-19 ช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ ประเมินกรอบการลงทุนพรุ่งนี้แนวรับที่ 1,610-1,615 จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 13 ธันวาคม 2564 โดยดัชนีปิดตลาด +7.60 จุด หรือ +0.47% มาอยู่ที่ 1,625.83 จุด มูลค่าการซื้อขาย 71,439.73 ล้านบาท ซึ่งในระหว่างวันดัชนีปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนบวกทั้งภาคเช้าและบ่าย โดยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 1,628.93 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,618.57 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 649 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 561 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 913 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 1,274.63 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 202.09 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -872.93 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -603.79 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,183.32 ล้านบาท ปิดที่ 37.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.JAS มูลค่าการซื้อขาย 2,392.44 ล้านบาท ปิดที่ 3.48 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,118.16 ล้านบาท ปิดที่ 139.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.EA มูลค่าการซื้อขาย 1,861.90 ล้านบาท ปิดที่ 84.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
5.CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,634.67 ล้านบาท ปิดที่ 23.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.EGCO ปิดที่ 174.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 1.46%
2.SCC ปิดที่ 377.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 0.53%
3.JMT ปิดที่ 60.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 2.99%
4.SINGER ปิดที่ 48.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.65%
5.SCGP ปิดที่ 64.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 1.98%
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 424.00 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 0.93%
2.HANA ปิดที่ 93.50 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 1.32%
3.RBF ปิดที่ 20.50 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือ2.84%
4.RS ปิดที่ 19.90 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 2.45%
5.TISCO ปิดที่ 91.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.54%
ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,212.34 จุด เพิ่มขึ้น 10.29 จุด หรือ 0.47% ขณะที่ดัชนี SET50 ปิดที่ 966.81 จุด เพิ่มขึ้น 4.57 จุด หรือ 0.47% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 566.34 จุด เพิ่มขึ้น 1.69 จุด หรือ 0.30%
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า โดยรวมแล้วตลาดแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ซึ่งถือว่าดีที่ยังอยู่ในแดนบวก แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องระมัดระวังการลงทุนช่วงรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กลางสัปดาห์นี้ และการประชุมของธนาคารกลางอีกหลายแห่งสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ตลาดปรับขึ้นสลับกับแรงขายทำกำไร โดยตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยในประเทศช่วยหนุนจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดใหญ่ผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยให้จัดงานเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่
ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียในช่วงบ่ายนี้เริ่มเห็นบางตลาดพลิกกลับมาอยู่ในแดนลบ บางตลาดยังบวกได้อยู่ ขณะที่ตลาดยุโรปเทรดบ่ายนี้กบวกได้ดีกว่า และดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ยืนในแดนบวก แม้จะยังระวังการลงทุนในช่วงนี้
"ตลาดหุ้นไทยให้ติดตามตลาดหลักทรัพย์จะปรับการคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 คาดว่าจะประกาศในสัปดาห์นี้"
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ซึ่งจะเป็นวันแรกที่เริ่มการประชุมเฟด อาจทำให้ตลาดปรับตัวซึมลงช่วงรอความคืบหน้าจากเฟด และใกล้ปลายปีแล้วด้วย โดยประเมินแนวรับที่ 1,610-1,615 จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด