หุ้นไทยปิดตลาด -3.65 จุด โบรกฯ ชี้ตลาดรอดูความชัดเจนไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อีกทั้งยังได้รับแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่าลงมามาก หวั่นกระแสเงินไหลออก มองสัปดาห์หน้าดัชนียังแกว่งตัวในกรอบแคบ ประเมินแนวรับที่ 1,570-1,550 และแนวต้านที่ 1,600 จุด
ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการซื้อขายวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ปรับตัวลดลง -3.65 จุด หรือ -0.23% โดยมาอยู่ที่ 1,588.19 จุด มูลค่าการซื้อขายสุทธิเบาบางเพียง 55,196.93 ล้าน ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายวันนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,597.25 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,587.53 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 497 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 679 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 995 หลักทรัพย์
ส่วนปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -316.38 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -414.67 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 109.64 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 621.41 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,712.14 ล้านบาท ปิดที่ 134.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.EA มูลค่าการซื้อขาย 1,528.61 ล้านบาท ปิดที่ 82.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,348.50 ล้านบาท ปิดที่ 36.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
4.MAKRO มูลค่าการซื้อขาย 1,239.64 ล้านบาท ปิดที่ 45.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
5.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,232.02 ล้านบาท ปิดที่ 212.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.AEONTS ปิดที่ 187.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.63%
2.EA ปิดที่ 81.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.87%
3.SYNEX ปิดที่ 31.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 4.20%
4.INTUCH ปิดที่ 74.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.36%
5.MEGA ปิดที่ 54.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.41%
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 436.00 บาท ลดลง 6.00 บาท หรือ 1.36%
2.SCC ปิดที่ 373.00 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 0.80%
3.SCB ปิดที่ 124.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.59%
4.BH ปิดที่ 142.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.05%
5BBL ปิดที่ 114.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.87%
ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,159.43 จุด ลดลง -8.57 จุด หรือ -0.40% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 943.76 จุด ลดลง -4.08 จุด หรือ -0.43% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 560.13 จุด เพิ่มขึ้น 0.39 จุด หรือ 0.07%
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า SET INDEX มีการแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ เนื่องจากอยู่ในช่วงของการรอดูความคืบหน้าของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน โดยเป็นปัจจัยหลักที่จะต้องติดตามเพราะยังไม่มีความชัดเจน ทำให้ตลาดไม่ขยับชัดเจนมากนัก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวลง หลังเงินบาทอ่อนค่ามาก ซึ่งล่าสุดลงมาอยู่ที่ 33.85 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ต้องระวังเม็ดเงิน Fund Flow ไหลออก
“ตอนนี้คงจะต้องไปรอดูการประชุมหลายธนาคารกลางในช่วงกลางเดือนนี้มากกว่า โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะประชุมในวันที่ 14-15 ธ.ค., ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุม 16 ธ.ค. ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุม 16 ธ.ค. และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุม 16-17 ธ.ค.”
ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ยกเว้นตลาดหุ้นเวียดนามที่ปรับตัวลงไปมาก หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ส่วนตลาดในยุโรปเปิดเทรดบ่ายนี้ซึ่งตรงกับเวลาประเทศไทยปรับตัวบวกได้เล็กน้อย ซึ่งมองเป็นการรีบาวนด์หลังจากที่ปรับตัวลงไปมากในช่วงก่อนหน้านี้
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า มองว่าตลาดจะยังไม่ปรับตัวชัดเจนมากนัก เพราะยังต้องรอดูความคืบหน้าของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน และสัปดาห์หน้าจะมีวันทำการแค่ 3 วันเองด้วย โดยประเมินแนวรับที่ 1,570-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด