โควิด-19 เปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มคนซื้อที่อยู่อาศัย หันมองบ้านแนวราบที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัย คาดมูลค่าการขายสิ้นปีทะลุ 1 แสนล้านบาท "เอสซี" วางเป้าปี 65 เปิดโครงการแนวราบ 5-10 ล้านบาท มากขึ้น พร้อมเปิดโฉมบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ระดับลักชัวรี
นายณัฎฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวถึงภาพรวมตลาดแนวราบว่า จากพฤติกรรมของลูกค้าที่มีความต้องการพื้นที่อยู่อาศัยมากขึ้น ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 มูลค่าการขายของตลาดแนวราบมีมูลค่าอยู่ที่ 97,000 ล้านบาท หรือเติบโตถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 75,000 ล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปี 64 มูลค่าการขายทั้งตลาดทะลุ 100,000 ล้านบาท
สำหรับกลุ่มธุรกิจแนวราบของบริษัทฯ ยังคงเป้าหมายขึ้นเป็นอันดับ 1 ในภาพรวมตลาดสินค้าแนวราบทุกระดับราคา ภายในปี 2566 จากปัจจุบันที่อยู่อันดับ 2 ขณะที่บ้านเดี่ยวระดับราคา 5-10 ล้านบาท บริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาดอันดับที่ 3 ซึ่งบริษัทฯ มีแผนรุกตลาดมากขึ้น
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2565 จะเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ระดับลักชัวรี จำนวน 1 โครงการ และจะทยอยเปิดโครงการแนวราบระดับราคา 5-10 ล้านบาทมากขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์ VENUE ID ที่จะมีการเปิดเพิ่มจำนวน 4-5 โครงการในโซนอื่นๆ และแบรนด์ VERV อีก 2-3 โครงการ และการกลับมาเปิดแบรนด์ PAVE อีก 2 โครงการ ในทำเลรังสิต และพุทธมณฑลสาย 4 จากแผนการเปิดโครงการใหม่ ทั้งหมด 20 โครงการ ทำให้บริษัทจะมีกลุ่มสินค้าแนวราบระดับราคา 5-10 ล้านบาท เข้ามาเสริมในพอร์ต ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทที่จะขึ้นเป็นอันดับ 1 ของตลาดแนวราบในทุกระดับราคา จากที่ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดแนวราบระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป
"ที่ผ่านมา เราได้ปรับแบรนด์ “VENUE” ให้มาเป็น “VENUE ID” เพื่อให้สอดคล้องกับผู้บริโภคยุคใหม่ มีความพรีเมียมที่มีการดีไซน์อย่างมีเอกลักษณ์ รวมถึงศักยภาพทำเลและดีมานด์โซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งจากข้อมูลพบว่าโซนตะวันตกของ กทม.เป็นทำเลที่น่าสนใจ โดยกลุ่มบ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท มีอัตราการขายสูงสุดอันดับ 1 อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 31%
ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 4/2564 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดแนวราบแบรนด์ “เวนิว ไอดี” (VENUE ID) ถึง 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการ “เวนิว ไอดี พระราม 5” ราคาขายเริ่มต้นที่ 7-10 ล้านบาท จำนวน 66 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท โดยเปิดพรีเซลเมื่อเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา
และ 2.โครงการ “เวนิว ไอดี เวสต์เกต” ราคาขายเริ่มต้นที่ 5.99-10 ล้านบาท จำนวน 89 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,290 ล้านบาท โดยเปิดพรีเซลเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ทั้ง 2 โครงการสามารถสร้างยอดขายรวมได้แล้ว 250 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยอดขายแนวราบในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา สามารถทำได้แล้ว 16,000 ล้านบาท คาดว่าจะปิดยอดขายแนวราบในปีนี้ได้ 17,000 ล้านบาท จากเป้ายอดขายรวมที่ 20,000 ล้านบาท