เคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในแอฟริกาเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในช่วงเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์โอมิครอน แต่จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในแอฟริกาใต้ ประเทศที่พบตัวกลายพันธุ์นี้เป็นแห่งแรก ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกในวันพฤหัสบดี (9 ธ.ค.)
ในแถลงสรุปทางออนไลน์รายสัปดาห์ องค์การอนามัยโลกสาขาแอฟริกา ระบุว่าทวีปแห่งนี้พบเคสผู้ติดเชื้ออีก 107,000 รายในสัปดาห์จนถึงวันอาทิตย์ (5 ธ.ค.) เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากระดับ 55,000 คนในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
"โอมิครอนไปถึงประเทศต่างๆ ในแอฟริกามากขึ้น" ถ้อยแถลงระบุ พร้อมกล่าวว่าได้มีการยกระดับงานวิจัยเพื่อดูว่าตัวกลายพันธุ์นี้อยู่เบื้องหลังเคสผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นหรือไม่
ข้อมูลบ่งชี้ว่าเคสผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากในภูมิภาคทางใต้ของทวีป เฉลี่ยแล้ว 140% อย่างไรก็ตาม ในแอฟริกาใต้ ประเทศที่พบตัวกลายพันธุ์โอมิครอนเมื่อเดือนที่แล้ว "เคสอาการรุนแรงยังคงอยู่ในระดับต่ำ" องค์การอนามัยโลกระบุในถ้อยแถลง
"ข้อมูลที่กำลังปรากฏขึ้นมาจากแอฟริกาใต้บ่งชี้ว่าโอมิครอนอาจก่ออาการรุนแรงน้อยกว่า" ถ้อยแถลงกล่าว "ข้อมูลซึ่งตรวจสอบการเข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วแอฟริกาใต้ระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายนถึง 4 ธันวาคม พบว่า มีผู้ป่วยครองเตียงห้องไอซียูเพียงแค่ 6.3% นี่ถือว่าต่ำมากๆ หากเปรียบกับกับช่วงเวลาที่ประเทศแห่งนี้เผชิญกับช่วงพีกสุดของตัวกลายพันธุ์เดลตาในเดือนกรกฎาคม"
องค์การอนามัยโลกเน้นย้ำว่า พวกเขาคัดค้านข้อจำกัดด้านการเดินทาง ซึ่งจนถึงตอนนี้ประกาศบังคับใช้แล้วมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก และมีเป้าหมายที่ไปประเทศต่างๆ ในพื้นที่ทางใต้ของแอฟริกา แม้ว่าประเทศเหล่านี้จะให้ข้อมูลด้วยความโปร่งใสก็ตาม
นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังเรียกร้องประเทศต่างๆ ยกระดับฉีดวัคซีน เนื่องจากจนถึงตอนนี้มีแค่ 7.8% จากประชากรทั้งหมด 1,200 ล้านคนทั่วทวีป ที่ได้ฉีดวัคซีนแล้ว โดยชาติที่ล้าหลังประเทศอื่นๆ มากที่สุดในโครงการฉีดวัคซีนคือชาด จิบูตี และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
ริชาร์ด มิไฮโก ผู้ประสานงานโครงการวัคซีนขององค์การอนามัยโลกประจำทวีปแอฟริกา ระบุว่า กำลังมีการกำหนดระบบซัปพลายวัคซีนใหม่ เพื่อช่วยประเทศต่างๆ ในแอฟริกาแจกจ่ายวัคซีนได้ง่ายกว่าเดิม
(ที่มา : เอเอฟพี)