3 ผู้ประกอบการในวงการธุรกิจก่อสร้าง "CCP-SMART-CPANEL" ประสานเสียงอสังหาฯ ปี 65 เริ่มฟื้นตัว หลังมีการคลายล็อก LTV รัฐคุมโควิดอยู่ แต่ยังแอบกังวล "โคมิครอน" อาจสร้างความผันผวนต่อวัตถุดิบได้ แนะรัฐเร่งเปิดประเทศรับแรงงาน พร้อมเดินหน้าลงทุน รับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รักษาห่วงโซ่ซัปพลาย
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP ผู้ผลิต/จำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตและคอนกรีตสำเร็จ ประเมินว่า อุตสาหกรรมอสังหาฯ และวัสดุก่อสร้างผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พร้อมเข้าสู่การฟื้นตัวหลังกระจายวัคซีนได้ครอบคลุมมากขึ้น ลดความรุนแรงการระบาดได้
"อุตฯ วัสดุก่อสร้างปัจจุบันซัปพลายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ประกอบหายไปมากจากผลกระทบก่อนหน้านี้ สวนทางกับดีมานด์ที่เริ่มฟื้นตัว ซึ่งคาดว่าความต้องการวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังภาครัฐมีมาตรการผ่อนปรนให้ดำเนินการก่อสร้างได้ตามปกติ ผู้ประกอบการเร่งส่งมอบงานให้เป็นไปตามกำหนดเวลาที่วางไว้" นายอาทิตย์ กล่าวให้เห็นสัญญาณของราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างที่จะปรับขึ้น
ขณะที่ นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นพื้นและผนังคอนกรีตสำเร็จรูป รวมถึงส่วนประกอบอาคารที่ผลิตจากคอนกรีตสำเร็จรูป มองว่า อุตสาหกรรมอสังหาฯ ปี 65 จะเติบโตราว 10% ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ปี 64 ที่ดีขึ้นระดับ 10-15% จากปีก่อน ปัจจัยหนุนหลัก คือ การเติบโตในต่างจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เพราะประชาชนกลับภูมิลำเนามากขึ้นจากการล็อกดาวน์ที่ผ่านมา ขณะที่มองว่าหลังจากที่เริ่มมีการเปิดประเทศจะทำให้แรงงานกลับมา กิจกรรมต่างๆ ภาคอสังหาฯ ในเมืองจะเริ่มฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ส่วน นายรังสี ทีปกรสุขเกษม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ผู้ผลิต/จำหน่ายคอนกรีตมวลเบาระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังภายในอาคาร ระบุว่า ความต้องการใช้อิฐมวลเบายังคงทรงตัว เพราะผู้ประกอบการอสังหาฯ อยู่ในช่วงการประเมินสถานการณ์ ทั้งการควบคุมโรคระบาดและการฟื้นตัวเศรษฐกิจ แต่อยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น การผ่อนปรน LTV และการเปิดประเทศ
ประสานเสียง "โอมิครอน" กระทบไม่มาก เชื่อไม่ล็อกดาวน์!
นายชาคริต (CPANEL) กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 หลังจากที่เริ่มมีเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ "โอมิครอน" ว่า ไม่น่ากังวลมากนักแม้จะติดต่อง่ายขึ้น แต่ความรุนแรงลดลง สอดคล้องกับการกระจายวัคซีนที่ครอบคลุมจำนวนประชากรมากขึ้น โอกาสที่จะส่งผลกระทบระดับล็อกดาวน์แบบที่ผ่านมาคงไม่เกิดขึ้น
เช่นเดียวกับกับมุมมองของ นายอาทิตย์ (CCP) ที่ระบุว่า "โอมิครอน" คงไม่กระทบจนต้องล็อกดาวน์เหมือนที่ผ่านมา เพราะแม้จะติดต่อง่าย แต่อาการไม่รุนแรงมาก และภาครัฐมีประสบการณ์ควบคุมโรคมาพอสมควรแล้ว ซึ่งน่าจะจัดการได้ดีหากมีการระบาดที่มีนัยสำคัญอีกรอบ
นายรังสี (SMART) มองว่า "โอมิครอน" ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ไม่น่ากังวลมากนัก เพราะปัจจุบันการกระจายวัคซีนครอบคลุมประชากรมากขึ้น ขณะที่ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในการระมัดระวังและป้องกันตัวเองอย่างรัดกุม ซึ่งมองว่าโอกาสเกิดการระบาดรุนแรงจนต้องล็อกดาวน์เหมือนก่อนหน้านี้คงลดลง หรือหากมีการระบาดคงควบคุมเฉพาะพื้นที่มากกว่าการปิดทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม แม้การระบาดของไวรัสจะส่งผลต่อความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ซึ่งบริษัทฯ ได้รับผลกระทบบ้าง แต่มีการปรับตัวและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรักษาอัตรากำไรไม่ให้ลดลง
กระทุ้งรัฐเร่งรัฐเปิดประเทศ "รับแรงงาน"
นายอาทิตย์ (CCP) กล่าวถึงปริมาณงานภาครัฐว่าน่าจะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการเมกะโปรเจกต์ทั่วประเทศ งานโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการก่อสร้างตามปกติ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการสนามบิน โครงการท่าเรือ โครงการมอเตอร์เวย์ งานถนน เป็นต้น
ทั้งนี้ สิ่งที่อยากให้ภาครัฐให้ความสำคัญคือ นโยบายการจัดการเปิดให้แรงงานกลับมาโดยเร็ว เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มภาคการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ ยังช่วยเรื่องกำลังซื้อด้านการบริโภคด้วย
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 65 ทางบริษัทฯเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตในสินค้าคอนกรีตบางผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ และโครงสร้างงานระบบท่อ ซึ่งปัจจุบันคอนกรีตพรีคาสต์ได้รับความนิยม สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยมีปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
พร้อมกันนี้ ยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และมุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันเริ่มมีการส่งมอบสินค้าได้มากขึ้น โดยบริษัทยังคงรักษาระดับ Backlog ไว้ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้รายได้จะเติบโตได้ตามเป้าที่ 10%
หนุนต่างชาติซื้อบ้าน กระตุ้นอสังหาฯ
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม (CPANEL) กล่าวถึงนโยบายของภาครัฐต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศว่า หลายนโยบายมีทิศทางที่ส่งเสริมต่อการเติบโตของภาคธุรกิจ เช่น การสนับสนุนต่างชาติซื้อบ้านในไทยได้ หรือการผ่อนปรนมาตรการ LVT ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมทั้งสิ้น โดยสิ่งที่ควรสนับสนุน คือ การพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ ซึ่งมีองค์กรหรือหน่วยงานวิจัยที่มีคุณภาพสูง เช่น ล่าสุดสามารถคิดค้นวัคซีน mRNA ของตนเองได้แล้ว แต่มักติดขัดเรื่องการอนุมัติหรือการอนุญาตใช้ และเน้นการซื้อมากกว่า
ธุรกิจผู้ผลิตคอนกรีตเร่งเครื่องลงทุนรับ ศก.ปี 65 พลิกฟื้น!
นายชาคริต (CPANEL) กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจปี 65 คาดว่าจะดีต่อเนื่องจากปี 64 (งบการเงินรวมงวด 9 เดือนปี 64 มีรายได้รวม 220 ล้านบาท) ที่คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 35% จากปี 63 (ปี 63 มีรายได้รวม 221.16 ล้านบาท) หลังมีการเปิดประเทศ และได้ปัจจัยหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการ LTV การอนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านในประเทศไทยได้ ทำให้ความต้องซื้อที่อยู่อาศัยมีเพิ่มขึ้น อีกทั้งการขาดแคลนแรงงานยังทำให้ผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) มีความต้องการเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ณ 16 พ.ย.64 บริษัทมีมูลค่างานตามสัญญา (Backlog) จากสัญญาที่ลงนามเรียบร้อยแล้วประมาณ 1,192.53 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ตามคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จากลูกค้าในช่วงที่เหลือของปีนี้จำนวน 186.79 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้ต่อเนื่องในปี 65-66 นอกจากนี้ อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหม่ และกลุ่มลูกค้าพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะทยอยได้ข้อสรุปช่วงต้นปี 65
นายรังสี (SMART) คาดว่า ทิศทางธุรกิจปี 65 จะเติบโตจากปี 64 ไม่ต่ำกว่า 5% โดยปรับเพิ่มส่วนการขายงานโครงการเอกชนมากขึ้น ขณะเดียวกัน ได้มีการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตบล็อคผนังตกแต่ง เนื่องจากปีนี้มียอดขายเติบโตมากกว่า 90% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า