นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM กล่าวว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS) จัดอันดับเครดิตองค์กรของ SAM ที่ระดับ AA+ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” เป็นปีที่ 2 โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะของ SAM ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความสำคัญกับภาครัฐในระดับ “สำคัญมาก” และมีความสัมพันธ์ในระดับ “สูงสุด” กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ) จาก “เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตองค์กรที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ” เนื่องจากกองทุนฯ เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดและมีอำนาจควบคุม กำหนดและกำกับดูแลนโยบาย ทิศทางในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงนโยบายทางการเงินของ SAM อย่างใกล้ชิดผ่านทางคณะกรรมการบริษัท ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนจาก ธปท. กระทรวงการคลัง และหน่วยงานอื่นๆ ของภาครัฐ ซึ่งแสดงถึงความใกล้ชิดระหว่าง SAM และภาครัฐ
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์และความสำคัญของ SAM ต่อกองทุนฯ และ ธปท. ได้รับการสนับสนุนจากบทบาทของ SAM ในการเป็นตัวแทนของ ธปท. ในการดำเนินนโยบายที่สำคัญของธนาคารกลางและทำหน้าที่ในฐานะบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐเพียงแห่งเดียวที่ช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินต่างๆ และเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างที่สำคัญในการรับมือกับสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่เพิ่มมากขึ้นในระบบสถาบันการเงิน ดังนั้น หากการดำเนินงานของ SAM มีการหยุดชะงักอาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโดยรวม ซึ่งเห็นได้จากการที่ SAM มีบทบาทในการดำเนิน “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ที่ริเริ่มโดย ธปท. เพื่อส่งเสริมการปรับโครงสร้างหนี้โดยสมัครใจสำหรับลูกหนี้รายย่อยประเภทบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันที่ประสบปัญหาในการชำระคืนหนี้
โดยปัจจุบัน โครงการคลินิกแก้หนี้มีจำนวนลูกหนี้ภายใต้โครงการเพิ่มขึ้นเป็น 68,000 บัญชี เนื่องจากมีการขยายคุณสมบัติผู้สมัครอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกหนี้สามารถเข้าร่วมโครงการได้มากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ SAM ในการเป็นผู้ดำเนินนโยบายของ ธปท.
นอกจากนี้ ในมุมมองของ TRIS นั้น SAM จัดเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มีขนาดของสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศจากจำนวนบริษัทบริหารสินทรัพย์ทั้งหมด 59 แห่ง โดยมีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการรวม 2.9 หมื่นล้านบาท คิดเป็นภาระหนี้ตามบัญชีรวม 3.5 แสนล้านบาท ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากขนาดของธุรกิจและความชำนาญของ SAM รวมถึงการสนับสนุนแหล่งเงินทุนจากกองทุนฯ TRIS เชื่อว่าบทบาทของ SAM ไม่อาจแทนที่ด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์รายอื่นในระยะสั้นถึงปานกลาง
นายธรัฐพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านแหล่งเงินทุนหลักสำหรับการขยายธุรกิจของ SAM นั้น TRIS ได้ระบุในรายงานว่า SAM มีเงินสดรับชำระหนี้จากลูกหนี้สินเชื่อด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายถึง 1.2 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงที่ผ่านมา และแม้ว่าเงินสดรับจะลดลงในช่วงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากสถานการณ์โควิด-19 SAM ยังมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ เป็นแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 9.5 พันล้านบาท และการได้รับการจัดอันดับเครดิตครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของการออกและจำหน่ายหุ้นกู้ในอนาคต เพื่อระดมเงินทุนมารองรับปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพของสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งธนาคารพาณิชย์ไทยและต่างชาติที่จะเพิ่มมากขึ้นภายหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยคาดว่าจะเข้าสู่ตลาดหลังจากมาตรการการช่วยเหลือลูกหนี้จบลง ส่งผลให้บริษัทบริหารสินทรัพย์มีแนวโน้มเติบโตและ SAM มีโอกาสในการเข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในราคาที่สมเหตุสมผล