บล.เอเซียพลัส แนะปรับพอร์ตลงทุน แนะถือเงินสด 25-35% หลังตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วนจากการแพร่ระบาดโควิดกลายพันธุ์ "โอไมครอน" มองตลาดหุ้นไทยเปราะบางจากประเด็นโควิด อาจถูกกดดันระยะหนึ่ง ให้รอสัญญาณดีขึ้นแล้วค่อยทยอยสะสม แนะนำหุ้นที่มีเกราะป้องกันโควิด STGT, TU และ BCH เป็น Toppick ขณะที่เฟดส่งสัญญายุติมาตรการ QE เร็วขึ้นกว่าเดิม สร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยง แนะหันเก็บหุ้นเกราะป้องกันโควิด
มองเฟดยุติ QE กดดันสินทรัพย์เสี่ยง
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส (ASPS) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า นาย Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ขึ้นแถลงการณ์ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า "ปัจจุบันเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวอย่างชัดเจน และแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสูง จึงสมควรที่ Fed จะเริ่มพิจารณายุติมาตรการ QE ให้เร็วขึ้นจากแผนเดิมที่เคยประกาศในเดือน พ.ย.2564 ประมาณ 2-3 เดือน โดย Fed จะพิจารณาในการประชุมรอบเดือน ธ.ค.64"
คำกล่าวล่าสุดของประธาน Fed กระตุ้นความกังวลต่อตลาดว่า Fed อาจเร่งเดินหน้าปรับลดวงเงิน QE (QE Tapering) ให้เร็วขึ้นจากแผนเดิมที่เคยประกาศไว้ได้ ซึ่งปัจจุบันแผน QE Tapering Fed ที่ประกาศในเดือน พ.ย.64 คือปรับลดวงเงิน QE เดือนละ 1.5 หมื่นล้านเหรียญไปเรื่อยๆ ทุกเดือน โดยเริ่มต้นในเดือน พ.ย.64 ส่งผลให้มาตรการ QE สิ้นสุดในเดือน มิ.ย.65
ภาพรวมจากท่าทีของ Fed ที่ดูมีแนวโน้มเดินหน้าลดระดับการผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วขึ้น ASPS ประเมินว่าจะสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะสั้น เพิ่มเติมจากแรงกดดันของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ส่วนในระยะถัดไป เชื่อตลาดจะให้น้ำหนักการประชุมในวันที่ 14-15 ธ.ค.64 อย่างใกล้ชิด เนื่องจาก Fed จะประกาศแผน QE Tapering ฉบับใหม่ รวมถึงเผยแพร่ประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot plot) อีกด้วย
โอไมครอนป่วนตลาดหุ้นโลก 3 วัน MSCI World ปรับฐาน -3.1%
ส่วนความกังวลประเด็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วนในช่วง 3 วันที่ผ่านมา MSCI World ปรับฐานลงมา -3.1% ส่วนตลาดหุ้นไทยเปราะบางจากประเด็นนี้มากกว่าปรับฐานลงมา -4.8% หรือราว 80 จุด (ลดลงเป็นอันดับที่ 82 จากตลาดหุ้นใน Bloomberg 92 ประเทศ)
หากวิเคราะห์ลงมาเป็นราย Sector พบว่า กลุ่มหุ้นส่วนใหญ่ที่ Underperformจะเป็นหุ้นที่อ่อนไหวจากประเด็นโควิด หรืออิงกับเศรษฐกิจในประเทศ เช่น กลุ่ม TRANS ปรับฐานลงมากสุด -8.5% BANK -7.3% TOURISM -7.3% CONS -6.9% MEDIA -6.2% PROP -5.6% เป็นต้น
ในทางกลับกันกลุ่มหุ้นที่ Outperform ตลาดส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีเกราะป้องกันโควิด คือ กลุ่ม PERSON ปรับขึ้นสูงสุด +3.6% ETRON +1.4% HELTH -2.6% PF&REIT -2.8%, STEEL -2.8% เป็นต้น
มองหุ้นไทยยังถูกกดดันระยะหนึ่ง แนะนำ STGT-TU-BCH
ASPS ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยซึ่งเปราะบางจากประเด็นโควิด อาจถูกกดดันระยะหนึ่งจากความเสี่ยงที่จะเห็นการแพร่กระจายเพิ่มเติม และยังอยู่ในช่วงศึกษาผลกระทบ และแผนการรับมือรวมถึงการผลิตวัคซีน ทำให้ตลาดหุ้นมีโอกาสฟื้นได้ค่อนข้างจำกัด และจากสถิติในอดีตช่วงสายพันธุ์อัลฟาระบาดต้องใช้เวลา 1.5 เดือนกว่าตลาดหุ้นจะฟื้น และช่วงสายพันธุ์เดลตาระบาดใช้เวลา 2 เดือน ยกเว้นจะเห็นสัญญาณที่ดีจากวัคซีนหรือทิศทางการควบคุมได้รวดเร็วขึ้น จะทำให้ตลาดหุ้นดีดกลับชึ้นได้
ดังนั้น ช่วงเฝ้ารอสถานการณ์ และสภาพคล่องส่วนเกินมีโอกาสลดลงได้เร็วขึ้นจากการเร่งถอน QE ของ Fed ยังกดดันตลาดหุ้นไทยอยู่ กลยุทธ์แนะถือเงินสดในมือ 25% -35% รอสัญญาณที่ดีขึ้นแล้วค่อยทยอยเข้าสะสม ส่วนพอร์ตที่เหลือแนะนำสร้างสมดุลด้วยหุ้นที่มีเกราะป้องกันโควิด อย่าง STGT, TU และ BCH เป็น Toppick