โบรกเกอร์ เชื่อ โควิดโอไมครอน ยังไม่กระทบการเปิดเมือง แต่แนะนำ หาจังหวะเก็บหุ้นที่ลงมาหนัก พร้อมเปิดโพยหุ้น Oversold และหุ้นปลอดภัย รับมือ โควิด-19 สายพันธ์โอไมครอน แต่เบื้องต้นคาดกระทบกลุ่มพลังงานอย่างน้ำมัน - ถ่านหิน เหตุส่งผลต่ออุปสงค์การใช้น้ำมัน และทำราคาผันผวน แนะชะลอลงทุน PTT, PTTEP, BANPU
เมื่อวันศุกร์ (26 พ.ย.) ที่ผ่านมา หลังจากมีการระบุว่าพบโควิด- 19 สายพันธุ์ใหม่ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก ปรับตัวลดลงอย่างหนัก ซึ่งในส่วนของ SET Index หรือตลาดหุ้นไทย ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน โดยลดลงไปถึง 37.85 จุด หรือ 2.30% ในขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้โควิด-19 สายพันธ์โอไมครอน (Omicron) เป็นสายพันธ์ที่น่ากังวล โดยพบข้อมูลบ่งชี้ ด้านระบาดวิทยาที่น่ากังวลโดยมีการกลายพันธ์ในหลายตำแหน่ง และมีการระบาดที่เร็วกว่าสายพันธ์อื่น จนทำให้นักวิเคราะห์ชั้นนำ ต่างออกมาประเมินถึงผลกระทบสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ว่าหากมีการระบาดของสายพันธ์ใหม่จะกระทบการลงทุนมากน้อยเพียงใด
ASPS แนะชะลอลงทุนน้ำมัน-ถ่าน PTT, PTTEP, BANPU
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล. เอเซียพลัส ระบุว่า จากความกังวลสายพันธุ์ Omicron ที่ส่งผลให้หลายประเทศเข้มงวดกับกิจกรรมเศรษฐกิจมาก โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ASPS คาดว่าจะเป็นปัจจัยที่ท้าทายต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกต่อไปในอนาคต โดยอาจส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี2565 ล่าช้าออกไป สร้างแรงกดดันต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก เช่น ตลาดหุ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกือบทั้งหมดปรับฐานแรง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ -11% ราคาถ่านหิน -4%
แนะนำชะลอการลงทุน PTT, PTTEP, BANPU (เป็นที่สังเกตุค่าระวางเรือ BDI ปรับเพิ่มขึ้นสวนทาง บวกต่อ
KTBST ชี้ โอไมครอน กระทบอุปสงค์น้ำมัน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า มีมุมมองเป็นลบต่อราคาน้ำมันในระยะสั้น โดยเชื่อว่าการระบาดของ Omicron นี้จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่ออุปสงค์การใช้น้ำมันและความผันผวนของราคาน้ำมัน เพิ่มเติมจากประเด็นการปล่อยน้ำมันดิบสำรองของประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ และความเป็นไปได้ถึงการตอบโต้ของ OPEC+ ในการปรับเปลี่ยนแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในปี 65
อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นยังคงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่ USD69.5/bbl ในปี 64 และ USD70.0/bbl ในปี 65 โดยขอรอดูผลกระทบจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ Omicron ต่อเศรษฐกิจในภาพรวมก่อน เรายังคงน้ำหนักการลงทุน “Neutral” สำหรับกลุ่มพลังงาน โดยในระยะยาวเรายังชอบธุรกิจพลังงานต้นน้ำ และชอบ PTTEP (ซื้อ/เป้า 138.00 บาท) ทั้งนี้เราเชื่อว่า PTTEP จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้นใน Q4/64 และแนวโน้มปริมาณยอดขายที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการรับรู้โครงการใหม่และ M&A ในอีก 2 ปีข้างหน้า
UOBK เชื่อยังไม่กระทบการเปิดเมือง
บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKHST ระบุว่า ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเรื่องความรุนแรง แต่มีมุมมองว่าสถานการณ์ของโควิดสายพันธ์โอไมครอนอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมมากเท่ากับที่เคยเกิดขึ้นในระลอกก่อนก่อน เนื่องจาก 1) อัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้นมากในประเทศส่วนใหญ่ 2) องค์ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและรักษาโควิดที่ดีขึ้น 3) เทคโนโลยีของวัคซีน MRNA ที่ทำให้สามารถปรับปรุงวัคซีนได้เร็ว (ประมาณ 2-3 เดือน) 4) การตรวจในปัจจุบันยังสามารถใช้ได้ดี
ในสถานการณ์ที่เริ่มพบการระบาดและยังไม่แน่ใจผลกระทบเกี่ยวกับความรุนแรงของสายพันธ์ใหม่ ทำให้หลายประเทศเริ่มประกาศห้ามการเดินทางจาก 8 ประเทศแอฟริกา ขณะที่น่าจะยังมีการใช้มาตรการเข้มข้นในการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศไปอีกระยะ ซึ่งอาจกระทบกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตามคาดไม่กระทบกับการเปิดเมือง และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศ ที่ยังจะได้แรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ และการฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศ การปรับลดลงเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นธนาคาร, อสังหาริมทรัพย์, สื่อสาร, ค้าปลีกขณะที่หุ้น การแพทย์และเครื่องมือแพทย์ อาจฟื้นตัวในระยะสั้น แต่มองเป็นเพียงการเก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน
CIMBT ชวนเก็บหุ้นเข้าเขต Oversold
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ ทยอยสะสม หุ้นพื้นฐานดีที่ถูกแรงขายออกมาหนัก (panic sell) จนเข้าเขตขายมากเกินไป (oversold RSI < 30) เมื่อสัปดาห์ก่อนอย่าง CPALL (RSI 23.96)- GLOBAL(RSI 24.69)- OR (RSI 29.26)- SCC (RSI 29.52)- MAJOR (RSI 29.89)- TOP (RSI 29.93) จากความกังวลการระบาดของ COVID-19 สายพันธ์ใหม่ Omicron ที่เริ่มมีการแพร่กระจายไปในหลายประเทศแต่ยังไม่พบในประเทศไทย โดยคาดว่ากลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยวจะยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องแม้ว่ายังไม่ได้มีการกลับมา lockdown อีกครั้งในประเทศไทยแต่การที่หลายประเทศทั่วโลกเริ่มออกมาตรการเข้มข้นขึ้น รวมถึง lockdown บางประเทศในยุโรปก็น่าจะส่งผลกระทบต่อแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปีหน้า
แต่สำหรับหุ้นที่เติบโตในประเทศมีโอกาสพื้นตัวได้หากการระบาดระลอกใหม่ของ Omicron ไม่รุนแรงในประเทศไทย และไม่มีการกลับไป lockdown อีกครั้ง โดยให้ราคาเป้าหมาย CPALL GLOBAL SCC TOP ที่ 84.00, 22.70, 24.00, 475 และ 57.50 บาท สวน Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย MAJORกับ OR ที่ 24.57 บาท (Buy/Hold/Sell : 12/21) และ 28.85 บาท (Buy/Hol/Sell : 11/5/6)
FSS แนะเก็บ 11 หุ้นปลอดภัย กลุ่ม Reopening
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ต้องระวัง "โอไมครอน" ซึ่งกลายพันธุ์ในแอฟริกาและมีความเป็นไปได้ที่วัคซีนที่มีในปัจจุบันอาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันลดลงโดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาคาดทราบภายใน 2 สัปดาห์ รวมถึงเริ่มเพิ่มพบผู้ติดเชื้อแล้วหลายประเทศในยุโรป หากลุกลามมายังเอเชียรวมถึงไทย
ทั้งนี้ประเมินว่ากลุ่ม Reopening อย่างค้าปลีก ร้านอาหาร ท่องเที่ยว จะถูกกดดันอีก ครั้งส่วนกลุ่มที่จะกลับมา Outperform ได้แก่ การแพทย์ ส่งออก โลจิสติกส์ เรามองหุ้นที่ปลอดภัย ได้แก่ BCH - CHG - EKH- MEGA - KCE - SMT - TU - XO- SYNEX - NSL- JWD