ไม่ว่าตลาดหุ้นจะขึ้นหรือลง แต่สำหรับหุ้น บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS พุ่งทะยานมาตลอด สร้างจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และอาจก้าวขึ้นสู่หลัก 100 บาทในปีนี้ ทั้งที่สิ้นปี 2563 ปิดที่ 1.93 บาทเท่านั้น
วันพุธที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา JTS ถูกกระชากขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนปิดตลาดที่ราคา 90.50 บาท เพิ่มขึ้น 8.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 10.37% มูลค่าซื้อขาย 158.12 ล้านบาท
ไม่มีข่าวที่มีนัยสำคัญกระตุ้นราคาหุ้น และสำหรับหุ้นตัวนี้ไม่จำเป็นต้องมีข่าวดี ราคาก็วิ่งได้ โดยวิ่งมาราธอนมากนับจากต้นปีนี้
ถ้าเทียบราคาปิดเมื่อสิ้นปี 2563 ที่ 1.93 บาท กับราคาปิดเมื่อวันพุธซึ่งปิดที่ 90.50 บาท JTS ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้ว 88.57 บาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 4,589.11%
ค่าพี/อี เรโช อยู่ที่ประมาณ 380 เท่า ซึ่งแม้จะสูง แต่ก่อนหน้าเคยสูงกว่า 500 เท่า แต่ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปีนี้เติบโตก้าวกระโดด จึงฉุดค่าพี/อี เรโช ให้ลดฮวบลง
ผลประกอบการ JTS ซึ่งแจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฏว่า กำไรสุทธิเติบโตขึ้น 849.26% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 102.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92.06 ล้านบาท
นอกเหนือจากรายได้ปกติแล้ว ไตรมาสที่ 3 ยังมีรายได้จากเหมืองบิตคอยน์ ซึ่งถือเป็นรายได้จากธุรกิจใหม่จำนวน 2.81 ล้านบาท และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 15.37 ล้านบาท
ปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา JTS ประกาศว่า จะลงทุนตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์ โดยเซ็นสัญญาสั่งซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์จำนวน 500 เครื่อง ซึ่งติดตั้งในไตรมาสที่ 3 ต้นปีหน้าจะติดตั้งอีก 5,000 เครื่อง และตั้งเป้าในปี 2567 จะติดตั้งเครื่องขุด จำนวน 50,000 เครื่อง ทำให้มีกำลังขุดในสัดส่วน 5% ของกำลังขุดทั้งโลก โดยขุดได้ปีละประมาณ 16,000 เหรียญบิตคอยน์
รายได้จากการขุดบิตคอยน์เริ่มรับรู้แล้วในไตรมาสที่ 3 แต่ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับรายได้รวม และโครงการงลงทุนตั้งเหมืองบิตคอยน์ก็ไม่น่าจะเป็นสาระสำคัญที่ขับเคลื่อนราคาหุ้นให้พุ่งไม่หยุด
แต่ราคาหุ้นที่ขึ้นไม่เลิก โดยถูกกระชากมากนับจากต้นปี น่าจะเกิดจากปริมาณหุ้นหมุนเวียนที่มีจำกัดมากกว่า
JTS มีทุนจดทะเบียน 706.46 ล้านหุ้น มีผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวน 1,483 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 38.63% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งเป็นตัวเลขจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564
ถ้าดูจำนวนและสัดส่วนการถือหุ้นของรายย่อยแล้ว หุ้น JTS ถือว่ามีฟรีโฟลท หรือสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยสูง แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วไม่รู้ว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยที่แท้จริงปัจจุบันเหลือจำนวนเท่าไหร่
เพราะราคาที่พุ่งทะยานมาจ่อทะลุ 100 บาท ผู้ถือหุ้นรายย่อยอาจทำใจไม่ไหว เทหุ้นขายทำกำไรไปแทบหมดแล้ว
และถ้าดูโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรก ปรากฏว่า ถือหุ้นรวมกันจำนวนทั้งสิ้น 89.68% ของทุนจดทะเบียน ถ้าผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกไม่ซื้อไม่ขายหุ้น จะมีหุ้นหมุนเวียนในตลาดประมาณ 10% ของทุนจดทะเบียน หรือจำนวนประมาณ 70 ล้านหุ้น
ถ้าเกิดมี “ขาใหญ่” กว้านซื้อหุ้นเก็บ จำนวนหุ้นที่ซื้อขายหมุนเวียนจะยิ่งน้อยลงไปอีก ซึ่งจำนวนหุ้นที่น้อยจึงง่ายสำหรับการลากราคา เพราะอัดคำสั่งซื้อเข้ามา ราคาหุ้นก็พุ่งทะยานแล้ว
JTS กลายเป็นหุ้นที่เคลื่อนไหวอิสระ ไม่อิงกับภาวะตลาด ไม่เกี่ยวกับใคร และไม่น่าจะมีใครเข้าไปแตะหุ้นตัวนี้เท่าไหร่แล้ว
เพราะราคาถูกลากขึ้นมาไกลสุดกู่ สูงจนแม้แต่นักเก็งกำไรยังขยาดในความร้อนแรง
