นางสุนิต วิสุทธิโกศล กรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บล.เคทีบีเอสที ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.เวิลด์เฟล็กซ์ (WFX) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) แล้ว โดย WFX จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 142 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น คิดเป็น 30.59% ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ
การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.เสนอขายให้ผู้ถือหุ้นของ บมจ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป (TRUBB) ตามสัดส่วนการถือหุ้น TRUBB (Pre-emptive Right) จำนวนไม่เกิน 11,360,000 หุ้น 2.เสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 14,200,000 หุ้น และ 3.เสนอขาย IPO จำนวน 116,440,000 หุ้น
WFX ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืด (Rubber Thread) ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบแป้ง (Talcum Rubber Thread) และเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบซิลิโคน (Silicone Rubber Thread) ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืดตั้งอยู่ในอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง
บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนจำหน่ายในต่างประเทศเป็นหลัก ประมาณ 98% มีการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ กระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพของสินค้า ส่งมอบสินค้าตรงเวลา และให้บริการที่น่าประทับใจ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้า ภายใต้แนวคิด "A Manufacturer of High Quality Natural Rubber Thread"
นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ WFX กล่าวว่า การเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนไปใช้ในการขยายโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืด เพิ่มกำลังการผลิตติดตั้ง12,400 ตัน/ปี รองรับออเดอร์ลูกค้าในตลาดต่างประเทศที่มีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เพิ่มโอกาสในการเติบโตให้บริษัทฯ รวมถึงนำไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงินบางส่วน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
สำหรับผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาของ WFX ในปี 61-63 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 1,860.92 ล้านบาท 2,045.11 ล้านบาท และ 2,408.66 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 19.22 ล้านบาท 7.72 ล้านบาท และ 57.81 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 1.03%, 0.38% และ 2.40% ตามลำดับ
และงวด 6 เดือนแรกของปี 64 บริษัทมีรายได้รวม 1,622 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 95.34 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 5.88% โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าจำนวน 48.71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 104.47% เนื่องจากบริษัทขยายกำลังการผลิตในช่วงต้นปี 64 ทำให้สามารถผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนกว่า 2,200 ตัน
นอกจากนั้น อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการที่บริษัทเพิ่มกำลังการผลิต ทำให้สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายชนิดมากขึ้น ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรที่สูงขึ้น อีกทั้งบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้ากลุ่ม End User เพิ่มขึ้น ซึ่งการจำหน่ายสินค้าให้แก่กลุ่มลูกค้า End User จะมีอัตรากำไรที่สูงกว่าการกลุ่มลูกค้าประเภท Distributor ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตสินค้ามีส่วนช่วยให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยของบริษัทฯ ลดต่ำลง ทำให้เกิดการประหยัดทางขนาด (Economy of Scale) จึงทำให้กำไรและอัตรากำไรในงวด 6 เดือนแรกของปี 64 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ