หุ้น BE8 เปิดเทรดวันแรกที่ 26 บาท เพิ่มขึ้น 16 บาท (+160%) จากราคาขาย IPO ที่ 10 บาท/หุ้น
บล.ทรีนีตี้ ระบุใบทวิเคราะห์ฯ ประเมิน Fair value ของ บมจ.เบริล 8 พลัส (BE8) สิ้นปี 2565 ที่ 16.00 บาท อ้างอิงค่าเฉลี่ย 2 วิธี ได้แก่ Forward PE ปี 2565 เฉลี่ยของบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันที่จดทะเบียนในตลาดที่ 31.7 เท่า และวิธี PEG ที่ 1 เท่า โดยประมาณการรายได้และกำไรมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดอัตราการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ปี 2563-2566 (CAGR) ราว 21% ต่อปี และกำไรเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 72% ต่อปี เติบโตในอัตราเร่งที่สูงกว่าการเติบโตของรายได้
BE8 เป็นที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation ให้บริการแบบครบวงจรในด้าน CRM การวิเคราะห์ข้อมูล และเทคโนโลยีดิจิทัล มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเกี่ยวกับระบบ CRM ที่ใช้ซอฟต์แวร์ Salesforce และเป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ของบริษัทชั้นนำ เช่น Salesforce, Google, MuleSoft และ Tableau เป็นต้น
IPO ครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถขยายสาขาไปต่างประเทศ เพื่อลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง สามารถลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจหรือธุรกิจอื่นเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
ความน่าสนใจในการลงทุน BE8
1.BE8 เป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ระดับโลก เช่น Salesforce, Google, Mulesoft และ Tableau โดยเป็นบริษัทแรกและแห่งเดียวในอาเซียนที่ Salesforce Venture เข้าร่วมลงทุน ได้รับการยอมรับในระดับสากล มีลูกค้าที่เป็นองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ
2.ธุรกิจ Digital Transformation มีแนวโน้มอัตราการเติบโตสูง โดยบริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้ในปี 2561-2563 (CAGR) เฉลี่ย 21.6% ต่อปี อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 47% ประกอบกับแผนการเติบโตของบริษัทที่มุ่งเพิ่มรายได้ด้าน License and subscription และการ Support and maintenance เพื่อเพิ่ม Recurring income ลดความเสี่ยงจากรายได้ไม่สม่ำเสมอของงานโครงการ รวมถึงการที่บริษัททำผลิตภัณฑ์ของตนเองซึ่งต้นทุนต่ำกว่าการซื้อจากผู้ผลิตรายอื่น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ คาดการณ์รายได้ปี 2564 ปี 2565 และปี 2566 จำนวน 355 ล้านบาท 449 ล้านบาท และ 551 ล้านบาท ตามลำดับ โดยคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปี 2563-2566 ราว 20.9% ต่อปี และคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นปี 2564-2566 อยู่ที่ 48.6% 48.7% และ 48.8% ตามลำดับ (47.1% ในปี 2563)
นอกจากนี้ การพัฒนาซอฟต์แวร์ของบริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่อเนื่อง 5 ปีส่งผลให้ไม่มีค่าใช้จ่ายทางภาษี ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2566 จำนวน 70 ล้านบาท 95 ล้านบาท และ 120 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปี 2563-2566 สูงถึงราว 71.7% ต่อปี คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิต่อยอดขาย 19.6% 21.1% และ 21.7% ตามลำดับ
3.บริษัทมีแผนการขยายการให้บริการไปยังต่างประเทศ โดยเริ่มจากการเปิดบริษัทย่อยในเวียดนามและได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่าย (Reseller Partner) ของ Salesforce เป็นรายแรกในประเทศเวียดนามในเดือน ธ.ค.2563 นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาถึงโอกาสในการลงทุนและขยายการให้บริการไปยังประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม CLMV