ฝรั่ง “ปิด” พอร์ตหนี “เปิด” ประเทศ / สุนันท์ ศรีจันทรา

นักท่องเที่ยวต่างชาติกำลังทยอยเดินทางเข้าไทย ขานรับนโยบายการเปิดประเทศ แต่นักลงทุนต่างชาติกลับเทขายหุ้น ขนเงินออก และทำให้ตลาดหุ้นซึมลงอย่างต่อเนื่องจนอาจลงไปแตะระดับ 1,600 จุดอีกครั้ง

การเปิดประเทศซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นักวิเคราะห์หลักทรัพย์โบรกเกอร์แทบทุกสำนักประเมินว่า จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นคึกคัก และดัชนีหุ้นอาจดีดขึ้นทะลุระดับ 1,650 จุด

แต่ตลาดหุ้นกลับทรุดลงมาตลอดทั้งก่อนและหลังการเปิดประเทศ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้น โดยไม่รู้สาเหตุว่าทำไมฝรั่งจึงปรับพอร์ต ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทั้งที่ไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆ และมีข่าวดีเรื่องการเปิดประเทศด้วยซ้ำ

มีการคาดหมายว่า ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี นักลงทุนต่างชาติจะกลับมา โดยมีแรงหนุนจากการเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ตลาดหุ้นจะเริ่มฟื้นตัว จนโบรกเกอร์บางสำนักมองว่าปลายปีนี้ดัชนีหุ้นอาจพุ่งทะยานไปแตะที่ 1,700 จุด ซึ่งเป็นมุมมองที่ไม่ไกลเกินความจริงนัก

ถ้านักท่องเที่ยวทยอยเดินทางเข้ามาในประเทศไทย นักลงทุนต่างชาติขนเงินกลับมาซื้อหุ้น

แต่ดัชนีหุ้น 1,700 จุดในสิ้นปีนี้อาจเป็นเพียงการมองโลกสวย เพราะบรรยากาศการลงทุนไม่ได้สดใสตามความคาดหวัง แต่กลับซบเซาและซึมลง เพราะไม่มีข่าวดีที่เป็นรูปธรรมกระตุ้นความเชื่อมั่นนักลงทุน

การเปิดประเทศยังไม่ใช่ข่าวดีที่มีน้ำหนักเพียงพอปลุกตลาดหุ้นให้คึกคัก ไม่อาจเรียกความสนใจของนักลงทุนต่างชาติได้

ตัวเลขผู้ติดเชื้อ “โควิด-19” รายใหม่แม้จะลดลงจากการแพร่ระบาดในช่วงแรก แต่ยังทรงตัวในระดับสูง และเศรษฐกิจคงไม่ฟื้นตัวเร็ว นอกจากนั้น ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ถูกนักเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านย่านเอเชีย โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นหรือค่าพี/อี เรโช กว่า 20 เท่า ซึ่งถือว่าสูงมาก

การปรับพอร์ต ขายหุ้นออก ขนเงินกลับ เป็นการสะท้อนว่า นักลงทุนต่างชาติไม่ให้ความสำคัญกับการเปิดประเทศ ไม่ถือเป็นโอกาสของการลงทุน และอาจกังวลในความเสี่ยงของตลาดหุ้นไทยอยู่

2 เดือนสุดท้ายก่อนปิดฉากปี 2564 ตลาดหุ้นคงถูกตีกรอบให้ขึ้นลงแถว 1,600-1,650 จุดเท่านั้น แต่ในช่วงสั้นแรงโน้มถ่วงมีแนวโน้มจะแกว่งลงไปหากรอบล่าง หรือระดับ 1,600 จุด ซึ่งจะต้องระวังโอกาสที่จะหลุดลงไปต่ำหากต่างชาติยังเทขายไม่เลิก

อย่างไรก็ตาม กระดานที่แดงติดต่อกันประมาณ 2 สัปดาห์ ดัชนีหุ้นที่ดิ่งลงจนใกล้แตะ 1,600 จุด ถือว่าความเสี่ยงเหลือไม่มากแล้ว และเป็นจังหวะของนักลงทุนที่พร้อมถือยาว ทยอยซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีเก็บสะสมเข้าพอร์ต

เพราะปีหน้าตลาดหุ้นมีแนวโน้มสดใสขึ้น หรือแม้แต่โค้งสุดท้ายปีนี้ถ้าการเปิดประเทศ สามารถกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ดัชนีหุ้นก็พร้อมจะวิ่งขึ้นไปชนกรอบบนที่ 1,650 จุดได้เหมือนกัน

ตลาดหุ้นยามที่ขาดปัจจัยชี้นำ ช่องว่างการทำกำไรมักจะแคบ นักลงทุนจึงต้องปรับตัวเป็นนักสังเกตการณ์เฝ้าดูทิศทางหุ้นไปก่อน รอจนเห็นสัญญาณการปรับตัวขึ้นรอบใหม่ และช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้น่าจะมีอีกสักรอบที่นักลงทุนจะได้ยืดเส้นยืดสายไล่ซื้อหุ้น