หุ้นไทยปิตตลาดปรับตัวลดลงลบ -0.37% โบรก ฯ มองแรงเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเปิดเมือง และนักลงทุนส่วนใหญ่ยังจับตาผลการประชุมเฟด ตลอดจนความชัดเจนของการปรับปรุงเกณฑ์ Cash Balance มองแนวรับที่ 1,590-1,600 จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ปรับตัวลดลง -5.97 จุด (-0.37%) โดยลงมาอยู่ที่ 1,611.92 จุด มูลค่าการซื้อขายกว่า 84,727.33 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นในระหว่างวันของช่วงเช้าปรับตัวอยู่ในแดนบวกก่อนปิดทำการซื้อขายภาคเช้า ขณะที่ภาคบ่าย SET INDEX ปรับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบจนปิดตลาดโดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,623.08 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,607.72 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 397 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 445 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,403 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 268.87 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 426.13 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -354.44 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -340.56 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1.SCB มูลค่าการซื้อขาย 11,450.55 ล้านบาท ปิดที่ 131.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
2.TRUE มูลค่าการซื้อขาย 4,192.28 ล้านบาท ปิดที่ 3.74 บาท ลดลง 0.34 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,351.92 ล้านบาท ปิดที่ 142.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 3,169.47 ล้านบาท ปิดที่ 10.70 บาท ลดลง 0.40 บาท
5.BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,377.49 ล้านบาท ปิดที่ 124.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนหุ้นกลุ่ม SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA 440.00 บาท +24.00 บาท หรือ +5.77%
2.BJC 34.25 บาท +1.00 บาท หรือ +3.01%
3.HMPRO 14.90 บาท +0.20 บาท หรือ +1.36%
4.AEONTS 189.50 บาท +2.50 บาท หรือ +1.34%
5.SCB 131.50 บาท +1.50 บาท หรือ +1.15%
ด้านหุ้นกลุ่ม SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.TRUE 3.74 บาท -0.34 บาท หรือ -8.33%
2.DTAC 35.50 บาท -2.75 บาท หรือ -7.19%
3.PSL 16.30 บาท -1.20 บาท หรือ -6.86%
4.STEC 12.90 บาท -0.70 บาท หรือ -5.15%
5.PTL 22.90 บาท -1.10 บาท หรือ -4.58%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,210.93 จุด ลดลง -9.16 จุด หรือ -0.41% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 972.64 จุด ลดลง -2.49 จุด หรือ -0.26% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 534.90 จุด ลดลง -9.50 จุด หรือ -1.75%
นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ช่วงบ่ายได้มีการปรับตัวลงจากการเทขายทำกำไรของหุ้นกลุ่มเปิดเมืองที่มีการปรับตัวขึ้นไปในช่วงก่อนหน้า เนื่องด้วยในระยะถัดไปยังมีปัจจัยที่รอกดดันอยู่ โดยเฉพาะเรื่องของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายหลังจากการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ประกอบกับระหว่างนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการเปิดเฮียริ่งการปรับเกณฑ์ Cash Balance ในช่วงวันที่ 1-12 พ.ย.นี้ ทำให้นักลงทุนลดการลงทุนในหุ้นขนาดกลาง ขนาดเล็กเพื่อรอดูความชัดเจน อีกทั้งนักลงทุนรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ด้วย จึงมีการขายทำกำไรออกมาก่อน
ส่วนมุมมองการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย.) มองว่าตลาดหุ้นอาจจะรีบาวนด์ได้ หลังปรับตัวลงในวันนี้ แต่การรีบาวนด์ยังเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องด้วยยังมีปัจจัยกดดันรออยู่ จากนักลงทุนยังรอดูจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังเปิดประเทศ โดยประเมินแนวรับที่ 1,590-1,600 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,630 จุด