คลังเผยผลพวงโควิด-19 กระทบยอดจัดเก็บรายได้ 3 กรมภาษีปีงบ 64 ต่ำเป้าจากเอกสารงบประมาณเกือบ 3 แสนล้านบาท โดยกรมสรรพากรหนักสุด 2 แสนล้านบาท สรรพสามิต 9 หมื่นล้าน และศุลกากร 2 พันล้าน หวังเศรษฐกิจฟื้นหนุนเป้าจัดเก็บปีงบ 65
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากรเปิดเผยว่า จนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2564 หรือสิ้นเดือน ก.ย.นี้ กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้จากภาษีทุกประเภทที่กรมจัดเก็บได้ จำนวน 1.87 ล้านล้านบาท โดยผลจัดเก็บดังกล่าวสูงกว่าเป้าหมายรายได้หลังการปรับปรุงโดยนำผลกระทบจากโควิด-19 มาคิดแล้วที่ตั้งไว้ 1.75 ล้านล้านบาท ถึง 1.2 แสนล้านบาท แต่ต่ำกว่าประมาณ 2 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับเป้าหมายการจัดเก็บเดิมที่กระทรวงการคลังกำหนดให้กรมสรรพากร จัดเก็บที่ 2.085 ล้านล้านบาท
นายเอกนิติ กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2564 การจัดเก็บรายได้ของกรมฯ มุ่งไปที่กลุ่มธุรกิจที่ผลประกอบการยังดีไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่น กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ รวมถึงการใช้ Data Analytic ในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้เสียภาษี และดึงผู้ที่อยู่นอกระบบภาษีเข้าสู่ระบบภาษี ทำให้ในปีงบประมาณ 2564 ผลการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงกว่าปีงบประมาณ 2563 อีกทั้งยังสามารถดึงคนที่อยู่นอกระบบภาษีเข้าสู่ระบบภาษีอีกหลายแสนคน
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิตเผยว่า ในปีงบประมาณ 2564 กรมฯ จัดเก็บรายได้ได้ 5.4 แสนล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณที่ให้ไว้ที่ 6.3 แสนล้านบาท และต่ำกว่าเป้าหมายการจัดเก็บปรับปรุงที่ให้ไว้ 5.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลพวงจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลล็อกดาวน์การขนส่งและการเดินทางชะลอกระทบต่อการใช้น้ำมันและการจัดเก็บภาษีน้ำมัน ซึ่งเป็นรายได้หลักของกรมฯ
สำหรับปีงบประมาณ 2565 กรมฯ ได้รับเป้าหมายจัดเก็บที่ประมาณ 6 แสนล้านบาท ส่วนแนวโน้มจะจัดเก็บได้ตามเป้าหมายหรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับการทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะมีผลต่อการบริโภคของประชาชน
ส่วนกรณีราคาน้ำมันดีเซลปรับสูงขึ้นในช่วงนี้ กรมฯ มีแผนจะปรับลดอัตราภาษีลงหรือไม่นั้น เขากล่าวว่า ขณะนี้กรมฯ ยังไม่ได้รับมอบนโยบายดังกล่าว ทั้งนี้ กรมฯ เห็นว่าขณะนี้ กลไกของกองทุนน้ำมันสามารถทำงานได้ดีและช่วยปรับเรื่องของราคาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ด้านนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากรเผยว่า ในปีงบประมาณ 2564 กรมฯ จัดเก็บรายได้ได้จำนวน 1.02 แสนล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณเล็กน้อยที่ตั้งไว้ที่ 1.04 แสนล้านบาท แต่สูงกว่าเป้าหมายปรับปรุงแล้วที่ตั้งไว้ 1 แสนล้านบาท โดยการจัดเก็บที่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เป็นเพราะช่วงที่ผ่านมา มีการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าทั่วไปมากขึ้น ทำให้กรมฯ จัดเก็บภาษีได้ดี
ส่วนปีงบประมาณ 2565 กรมฯ ได้รับเป้าหมายที่ 1 แสนล้านบาท ซึ่งดูจากแนวโน้มเศรษฐกิจแล้วเชื่อว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในส่วนของการนำเข้าสินค้าเกษตรน่าจะดีขึ้น หลังจากเกิดสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่วนการนำเข้าสินค้าทุนน่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง
ด้านผลการปราบปรามผู้กระทำความผิดนั้น ในแง่จำนวนรายสามารถจับกุมได้เพิ่ม 7% ส่วนในแง่มูลค่านั้น จับกุมได้ลดลงประมาณ 1% สำหรับกรณีที่รัฐบาลมีแผนเปิดประเทศ กรมฯ ได้เตรียมต่อมาตรการรองรับทั้งในแง่การขยายระยะเวลาการยื่นแบบ และการให้โอกาสกรณีเกิดความผิดแบบไม่ตั้งใจในการสำแดงราคาสินค้า เป็นต้น