xs
xsm
sm
md
lg

YLG วิเคราะห์หากเฟดลด QE ผลกระทบอาจไม่เท่าปี 2556

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วายแอลจี วิเคราะห์ทิศทางทองคำหากปีนี้เฟดลดวงเงินทำ QE มองเกิดผลกระทบเชิงลบ แต่อาจไม่หนักเท่าปี 2556 เหตุปีนี้มี 3 ปัจจัยบวกสำคัญหนุนราคาทองคำในระยะยาว ทั้งปริมาณเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินและการคลังยังอยู่ในระบบมหาศาลบั่นทอนแนวโน้มดอลลาร์ ความต้องการทองคำจากจีน-อินเดียฟื้นตัวตามสัญญาณเศรษฐกิจ รวมถึงเงินเฟ้อยังสูงส่งผลนักลงทุนบางส่วนซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง พร้อมยกข้อมูลปี 2556 ช่วงเฟดลด QE พบราคาทองคำจะตอบสนองในเชิงลบมากสุดก่อนเฟดออกนโยบาย และปรับขึ้นอีกครั้งหลังเฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก แนะนักลงทุนช่วงนี้ยังทำกำไรตามรอบได้ ให้แนวรับสำคัญ 1,775-1,773 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้านระยะสั้น 1,809-1,814 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่าการเคลื่อนไหวของทิศทางทองคำในช่วงนี้ยังเป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวในระยะสั้น และพักฐานในระยะกลาง แต่ในระยะยาวสัญญาณยังดูดี ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวขึ้นลงสลับกันไปโดยมีปัจจัยหลักมาจากการรอดูทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะมีการปรับลดวงเงินการทำ QE ภายในปีนี้หรือไม่ อย่างไรก็ดี เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2556 ซึ่งในปีนั้นเฟดได้ทำการประกาศลดการทำ QE ส่งผลให้ราคาทองคำในปีนั้นปรับตัวลดลงถึง 28%

ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงของทองคำจากการลดวงเงิน QE ในปี 2556 นั้นจะมีจุดที่น่าสนใจ 3 ข้อ ดังนี้

- ราคาทองคำจะตอบสนองในเชิงลบต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของเฟดมากที่สุดในช่วงก่อนที่เฟดจะดำเนินการลด QE จริง

- ราคาทองคำยังปรับตัวลงต่อในช่วงที่เฟดเริ่มลด QE ครั้งแรกไปจนถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก แต่การตอบสนองเชิงลบไม่มากเท่าระยะแรก และราคามีการปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดในเดือนที่เฟดเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก

- ราคาทองคำเริ่มยกฐานขึ้นนับตั้งแต่เฟดเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ธ.ค.ปี 2558

อย่างไรก็ตาม หากเฟดมีการปรับลดวงเงิน QE ในปีนี้มองว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำที่แตกต่างไปจากเมื่อครั้งปี 2556 เนื่องจากปัจจุบันราคาทองคำไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามนโยบายเฟดอย่างเดียว แต่มาจากปัจจัยที่มากขึ้น และในปีนี้ก็ยังมีปัจจัยบวกที่น่าสนใจ 3 ข้อ ได้แก่

แม้เฟดจะประกาศลดวงเงิน QE แต่ปริมาณเงินมหาศาลที่ทั้งธนาคารกลางและรัฐบาลสหรัฐฯ อัดฉีดเข้าไปในระบบจะยังไม่หายไปทันที ซึ่งจะส่งผลให้การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ในกรอบจำกัด

ความต้องการทองคำที่เริ่มฟื้นตัวจากจีนและอินเดีย ซึ่งจีนเป็นประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอินเดียเองเริ่มมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำให้ความต้องการทองคำกลับมาอยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง

ดังนั้น มองว่าหากเฟดปรับลด QE จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาทองคำอย่างแน่นอน แต่อาจจะไม่มากเท่าปี 2556 ส่วนคำแนะนำนักลงทุนนั้น ในระยะสั้น ระยะกลางยังสามารถทำกำไรตามรอบ โดยอาศัยการดูแนวรับแนวต้าน ในระยะสั้นมองแนวรับสำคัญที่ 1,775-1,773 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 27,500 บาท แนวรับนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก หากหลุดควรตัดขาดทุน แล้วรอซื้อในแนวรับที่ต่ำกว่าเพราะถ้าหลุดแนวรับนี้ราคาทองคำจะพักฐานที่ลึกมากขึ้น ส่วนแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1,809-1,814 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ถ้าผ่านได้สามารถเข้าซื้อเพื่อทำกำไรได้ และหากดีดตัวขึ้นไปแนะนำให้ขายทำกำไรออกไปก่อน สำหรับแนวต้านสำคัญมองที่ 1,833 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ถ้าผ่านได้ถึงจะเป็นสัญญาณที่ดี

ส่วนการให้บริการของ YLG ยังคงมอบโปรโมชันลดค่าคอมมิชชัน 80% สำหรับนักลงทุนในตลาด TFEX และได้เพิ่มโอกาสใหนักลงทุนหน้าใหม่สามารถซื้อขายทองคำออนไลน์เรียลไทม์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชัน YLG Trader ที่รองรับระบบ iOS ทำให้นักลงทุนที่ต้องการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนสามารถลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา อีกทั้งมีความปลอดภัยสูง ส่วนนักลงทุนที่ไม่ได้ใช้ระบบ iOS สามารถสมัครออนไลน์ คลิก www.ylgopenacc.com หรือ ปรึกษาการลงทุนทองคำแท่ง Call center : 0-2687-9892, 0-2687-9893, 0-2687-9888 ต่อ 1 สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนใน TFEX ซึ่งรวมการให้บริการเทรดทองคำ หุ้น และค่าเงิน คลิก https://www.ylgfutures.co.th/th/contact-us/contact-information


กำลังโหลดความคิดเห็น