บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP แม้จะมีปัญหารุมเร้ารอบด้าน แต่ราคาหุ้นกลับพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง จนตลาดหลักทรัพย์ต้องประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย มีผลระหว่างวันที่ 25 สิงหาคมถึง 14 กันยายนนี้
ราคาหุ้น ACAP ถูกลากขึ้นจาก 1.24 บาท ซึ่งเป็นราคาปิดวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา จนขึ้นมาปิดที่ 2.60 บาท เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม โดยช่วง 6 วันทำการ ราคาปรับตัวขึ้น 1.36 บาทหรือปรับขึ้น 101.49%
หุ้น ACAP พุ่งทะยานขึ้นมา พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่พองโต และไม่มีปัจจัยใดสนับสนุนด้านราคา โดยบริษัทฯ ได้ชี้แจงข้อซักถามของตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า บริษัทไม่มีพัฒนาการใดๆ ที่มีผลต่อราคาหุ้น
คำถามคือ หุ้น ACAP ปรับตัวขึ้นมาได้อย่างไร มีใครอยู่เบื้องหลังการลากราคาหรือไม่
เพราะเป็นไปไม่ได้ที่นักลงทุนรายย่อยจะแห่เข้าไปเก็งกำไร และผลักดันให้ราคาหุ้นดีดตัวอย่างร้อนแรง เนื่องจาก ACAP มีสภาพเป็นกิจการที่ตายซาก มีปัญหาด้านฐานะทางการเงิน และเบี้ยวชำระหนี้หุ้นกู้ทุกรุ่น วงเงินกว่า 2,000 ล้านบาท สร้างความเสียหายให้นักลงทุนจำนวนนับพันราย ที่รวมตัวฟ้องร้องดำเนินคดีอยู่
ผลประกอบการบริษัทขาดทุนติดต่อหลายปี โดยปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 190.53 ล้านบาท ปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 355.32 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกปีนี้ขาดทุนสุทธิ 121 ล้านบาท นอกจากนั้น งบการเงินมักมีปัญหา ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นหรือไม่มีข้อสรุปต่องบการเงิน
หุ้น ACAP ยังถูกแขวนป้ายซี เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าต่ำกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว โดยบริษัทอยู่ระหว่างยื่นขอฟื้นฟูกิจการ และถูกผู้ถือหุ้นกู้รวมตัวกันฟ้องเรียกชำระหนี้หุ้นกู้ทั้งหมด 6 รุ่น จำนวนกว่า 2,000 ล้านบาท
ข่าวดีสำหรับ ACAP ไม่มี แต่ข่าวร้ายมากมาย และราคาหุ้นควรจะทรุดตัวลงตั้งแต่เกิดปัญหาเบี้ยวหนี้หุ้นกู้ตั้งแต่ปีก่อนแล้ว แต่ราคาหุ้นกลับไม่ลง แถมอย่างปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาอีกด้วย
ผู้ถือหุ้นกู้ ACAP นับพันรายมีข้อสงสัยมาตลอดว่า บริษัทจดทะเบียนที่เบี้ยวหนี้ ตกอยู่ในสภาพหนี้สิ้นล้นพ้นตัว ฐานะการเงินย่ำแย่ ผลประกอบการทรุดหนัก จนแทบไม่เหลือคุณสมบัติการเป็นบริษัทจดทะเบียนแล้ว
ทำไมหุ้นยังถูกปล่อยให้ซื้อขายตามปกติ และราคายังถูกลากขึ้นสวนทางกับฐานะของกิจการ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายซ้ำสองให้นักลงทุนรายย่อยที่แห่เข้าไปเก็งกำไร
โครงสร้างผู้ถือหุ้น ACAP ประกอบด้วย นางจารุณี ชินวงศ์วรกุล ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งในสัดส่วน 24.79% ของทุนจดทะเบียน น.ส.สุกัญญา สุขเจริญไกรศรี ถือหุ้นในสัดส่วน 14.72% และมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 3,540 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 60.49% ของทุนจดทะเบียน
การขยับของหุ้น ACAP ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นตามปกติ แต่เป็นความผิดปกติ โดยน่าจะมีกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังการจุดพลุไล่ราคาหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะต้องเข้าไปตรวจสอบการซื้อขาย และน่าจะหากลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังความร้อนแรงหุ้นตัวนี้ได้ไม่ยาก
เพราะคงไม่มีนักลงทุนรายย่อยเล่นหุ้นตัวนี้ หรือหากมีรายย่อยพลัดหลงเข้าไปยิ่งเป็นเรื่องอันตราย ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะต้องเร่งตรวจสอบและส่งสัญญาเตือนภัยนักลงทุน
หุ้นตัวเล็กตัวร้าย ส่วนใหญ่มักจะสร้างนิยายหรือสร้างข่าวดี เพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนแห่เก็งกำไร
แต่ ACAP ไม่มีข่าวดีอะไร มีแต่เรื่องร้ายๆ ราคาที่ถูกลากขึ้นมาจึงน่าจะเป็นฝีมือนักลงทุนขาใหญ่ล้วนๆ
รายย่อยที่หลงเข้าไปเล่น มีแต่หมดกับหมดสถานเดียว