กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ เผยแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง เน้น 3 กลยุทธ์สำคัญ คือ มุ่งสู่ดิจิทัล ร่วมกับพันธมิตรต่อยอดธุรกิจ และช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หวังครองความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อผ่อนชำระต่อเนื่อง คาดตลาดเริ่มฟื้นตัวช่วงไตรมาสที่ 4 เตรียมอัดโปรโมชันตอบรับดิจิทัลไลฟ์สไตล์ เน้นจุดแข็งผลิตภัณฑ์ด้านสิทธิประโยชน์ในการผ่อนชำระ และช่องทางบริการผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ พร้อมตั้งเป้ายอดใช้จ่ายโดยรวมแตะ 75,000 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่ผ่านมา 4% แบ่งเป็นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต 45,000 ล้านบาท และยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ 30,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2564 ขณะที่ยอด NPL ต่อเงินให้สินเชื่อลูกหนี้รวมอยู่ที่ 2.6% ลดลงจากสิ้นปีที่ผ่านมา
น.ส.พัทธ์หทัย กุลจันทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตภายใต้แบรนด์กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีแนวโน้มปรับลดลงจากผลกระทบของโควิด-19 ที่รุนแรง ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้ให้เห็นว่า ตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในไตรมาสแรกของปี 2564 ปรับลดลง -2.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายและการขอสินเชื่อมากขึ้น นับเป็นความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ผู้บริโภคในปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม มีความต้องการใช้บริการด้านดิจิทัลและออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ซึ่งมีสัดส่วนลูกค้าที่อายุ 23-40 ปี มากถึงเกือบ 70% ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดคล้องกัน กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์จึงได้ปรับแผนธุรกิจเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้
โดยกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ได้แก่
1.มุ่งสู่ดิจิทัล กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาช่องทางดิจิทัลเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของลูกค้า เช่น บริการ U Card สมัครบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อผ่านแอป UChoose โดยยอดสมัครบัตรใหม่ผ่านช่องทางดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มมีการล็อกดาวน์ บริการ U Cash โอนวงเงินบัตรเครดิตเข้าบัญชีออมทรัพย์หรือพร้อมเพย์เพื่อใช้เป็นเงินสด โดยยอดกดเงินสดผ่านช่องทาง U Cash ของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ เติบโตถึง 25% หลังจากเปิดตัวไปในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ยังเดินหน้าออกโปรโมชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้านการใช้บริการออนไลน์ของลูกค้า เช่น โปรโมชันออนไลน์ชอปปิ้ง โปรโมชันผ่อนชำระอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์สำนักงานเพื่อใช้ทำงานที่บ้าน โปรโมชันเกี่ยวกับการสั่งอาหารออนไลน์ เป็นต้น
2.ร่วมมือกับพันธมิตรต่อยอดธุรกิจ กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อต่อยอดธุรกิจด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และโปรโมชันที่คุ้มค่าให้ลูกค้า ทั้งพันธมิตรชั้นนำ เช่น กลุ่มเซ็นทรัล และ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ หรือโฮมโปร ซึ่งมอบความไว้วางใจออกบัตรเครดิตร่วม (Co-Brand) กับกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ รวมถึงพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำและร้านค้ากว่า 25,000 รายที่ร่วมกับบริษัทนำเสนอโปรโมชันต่างๆ เช่น ส่วนลด เครดิตเงินคืน รวมถึงบริการผ่อนชำระสินค้าที่มีแผนผ่อนชำระหลากหลายซึ่งนับเป็นจุดเด่นของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ไม่ว่าจะเป็น บริการ ‘0% สั่งได้ทุกอย่าง’ ที่สามารถเปลี่ยนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า เป็นการแบ่งจ่าย 0% นาน 3 เดือน หรือแผนผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ นานสูงสุดถึง 24 เดือน เป็นต้น โดยโปรโมชันดังกล่าวได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากช่วยแบ่งเบาภาระให้ลูกค้าบริหารค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจเช่นในปัจจุบัน
3.ช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก จึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้สมาชิกบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ที่ได้รับผลกระทบ นับตั้งแต่การระบาดระลอกแรก โดยจนถึงปัจจุบัน กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ให้ความช่วยเหลือลูกค้าไปแล้วกว่า 900,000 บัญชี คิดเป็นยอดหนี้คงค้างประมาณ 35,000 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมธุรกิจกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ 13,100 ล้านบาท เติบโต 5% หมวดที่มียอดใช้จ่ายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ประกันภัย 2.ออนไลน์ชอปปิ้ง 3.ตกแต่งบ้าน 4.น้ำมัน 5.ซูเปอร์มาร์เกต ขณะที่ยอดสินเชื่อผ่อนชำระของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ในช่วงครึ่งปีแรกสูงถึง 8,000 ล้านบาท เติบโต 12% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหมวดสินค้าที่ลูกค้านิยมผ่อนชำระ เรียงลำดับตามอัตราเติบโต ได้แก่ 1.ผ่อนสินค้าผ่านชอปปิ้งออนไลน์แพลตฟอร์ม (+80%) 2.ผ่อนทองคำรูปพรรณ (+30%) 3.ผ่อนมือถือ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ (+30%) 4.ผ่อนประกัน (+10%) และ 5.ผ่อนสินค้าตกแต่งบ้าน (+6%)
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังแม้ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ แต่บริษัทคาดว่าสภาวะตลาดโดยรวมน่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวและกลับมากระเตื้องขึ้นในราวไตรมาสที่ 4 โดยกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์คาดว่า ด้วยกลยุทธ์หลักทั้ง 3 ประการที่ปรับให้เข้ากับสภาวะการดำเนินธุรกิจ และความต้องการของลูกค้า รวมถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ในเรื่องของแผนผ่อนชำระที่ช่วยให้ลูกค้าบริหารค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น และช่องทางบริการผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของลูกค้า น่าจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดใช้จ่ายโดยรวมแตะ 75,000 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่ผ่านมา 4% (แบ่งเป็นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต 45,000 ล้านบาท และยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ 30,000 ล้านบาท) ภายในสิ้นปี 2564