บ้านปู เตรียมงบ 42,500 ล้านบาทเพื่อใช้ลงทุนเน้นธุรกิจก๊าซและไฟฟ้า เพราะความต้องการสูงต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้าในปี 68 ตัวเลข EBITDA จากธุรกิจพลังงานสะอาดสูงกว่า 50% ขณะครึ่งแรกปีนี้โกยรายได้กว่า 4.7 หมื่นล้านบาท ผลดีราคาก๊าซและไฟฟ้าพุ่ง
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 42,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนตามแผนงานโดยเน้นไปที่ธุรกิจก๊าซและไฟฟ้าเป็นหลัก ส่วนธุรกิจถ่านหินจะใช้เงินสดของธุรกิจถ่านหินเพราะสามารถเลี้ยงตัวเองได้
โดยเงินส่วนหนึ่งมาจากเพิ่มทุน 29,000 ล้านบาท และบางส่วนจะออกหุ้นกู้ หลังจากประสบความสำเร็จจาการขายหุ้นกู้ล็อตล่าสุด 16,000 ล้านบาท และยังมีเงินจากการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ (BANPU-W4) ประมาณ 8,500 ล้านบาท และ BANPU-W5 ที่รอแปลงสภาพในปีหน้า คาดได้เงินประมาณ 12,000 ล้านบาท ล่าสุดผู้ถือหุ้นอนุมัติเพิ่มทุนอีก 5,074,581,513 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ส่งผลให้ทุนเพิ่มเป็น 10,149,163,028 บาท เพื่อสร้างความเติบโตและความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจและระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปู โดยเฉพาะการลงทุนในพลังงานสะอาด
“งบลงทุนที่เตรียมไว้เราจะศึกษาว่าแต่ละสายธุรกิจต้องการใช้เงินเพื่อการลงทุนเท่าไหร่ และเราประเมินราคาหุ้นที่จะขายแบบ RO เพราะต้องการให้ผู้ถือหุ้นมีส่วนร่วมและเติบโตไปพร้อมกับเรา และเราจะไม่เน้นกู้มาก ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนหรือ D/E Ratio สูง” นางสมฤดี กล่าว
นอกจากนี้ BANPU ตั้งเป้ามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) จากธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานสูงกว่า 50% ภายในปี 68 จากปัจจุบันอยู่ 43% ตามแผนขยายการลงทุน ทั้งธุรกิจก๊าซ โรงไฟฟ้าก๊าซ โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable) และ Energy Technology ตามแผนการลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 64-68)
โดย BANPU ยังคงเร่งสร้างการเปลี่ยนผ่านทางอย่างต่อเนื่องภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter โดยประสบความสำเร็จในการลงทุนขยายพอร์ตธุรกิจพลังงานที่สะอาดมากขึ้น รวมทั้งสร้างกระแสเงินสดได้ทันที พร้อมกับศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจเหมือง Green Tech Minerals ทั้งในออสเตรเลียและอินโดนีเซีย เพื่อส่งเสริมและต่อยอดของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน รวมทั้งยังศึกษาการลงทุนในโรงไฟฟ้าเสมือน (Virtual Power Plant) และ Data Center เป็นต้น
สำหรับผลการดำเนินธุรกิจครึ่งแรกของ BANPU มีรายได้จากการขายในครึ่งแรกของปี 2564 รวม 1,535 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 47,325 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 582 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 17,948 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 147% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 93 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,861 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 488% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยสำคัญเกิดจากการปรับตัวที่สูงขึ้นของราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ บริษัทฯ ยังคงมุ่งลงทุนในธุรกิจพลังงานที่สร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การดำเนินงานที่คล่องตัว ยืดหยุ่น พร้อมปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง และรับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก