xs
xsm
sm
md
lg

RATCH มั่นใจผลประกอบการโตเกินเป้า เร่งปิดดีลโรงไฟฟ้าเพิ่ม 1-2 แห่งปลายปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราช กรุ๊ป แย้มเจรจาร่วมทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศเพิ่ม 970 เมกะวัตต์ คาดปิดดีลซื้อโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 1-2 ดีลในปลายปีนี้ ขนาดกำลังผลิตกว่า 100 เมกะวัตต์ คาดใช้เงินอีก 4-5 พันล้านบาทดันกำลังผลิตโตตามเป้าหมายเป็น 8,874 เมกะวัตต์ หนุนผลประกอบการทั้งปี 64 สูงกว่าเป้า หลังครึ่งปีแรกโกยกำไรพุ่ง 73%

นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าร่วมทุนหรือเข้าซื้อกิจการ (M&A) โครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักและพลังงานทดแทนที่ดำเนินการแล้วในต่างประเทศ เพิ่มอีกประมาณ 970 เมกะวัตต์ คาดว่าจะปิดดีลในปลายปีนี้อย่างน้อย 1-2 โครงการ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดกำลังการผลิตเกินกว่า 100 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 4-5 พันล้านบาท

ส่วนอีกโครงการเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซฯ และพลังงานทดแทน กำลังการผลิตรวมหลายร้อยเมกะวัตต์ คาดว่าจะปิดดีลได้ในกลางปี 2565

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าปี 2564 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 8,874 เมกะวัตต์ ในครึ่งปีแรกนี้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 8,290 เมกะวัตต์ ยังขาดอยู่ 584 เมกะวัตต์ ซึ่งในครึ่งปีหลังบริษัทจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าอีก 2 แห่ง กำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 160.31 เมกะวัตต์ ที่มีกำหนดจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคมนี้ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว กำลังผลิตติดตั้งรวม 296.23 เมกะวัตต์ ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในอินโดนีเซีย (บริษัทฯ ถือหุ้น 49%) และโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีโค่วิน กำลังการผลิตติดตั้งรวม 29.70 เมกะวัตต์ ในเวียดนาม (บริษัทฯ ถือหุ้น 51.04%) และที่เหลือมาจากการทำ M&A

“บริษัทฯ ยังคงมุ่งแสวงหาการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยเน้นโครงการที่ดำเนินงานเชิงพาณิชย์แล้วเพื่อให้สามารถรับรู้รายได้ทันที ในปีนี้บริษัทฯ มีแผนจะเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าให้ถึง 8,874 เมกะวัตต์ ซึ่งจะต้องลงทุนเพิ่มอีก 584 เมกะวัตต์เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้เจรจาเพื่อเข้าร่วมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักและพลังงานทดแทนที่ดำเนินงานแล้วในต่างประเทศ หากดำเนินการได้สำเร็จบริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตเชิงพาณิชย์เพิ่มอีกประมาณ 970 เมกะวัตต์ และรับรู้รายได้ในทันที”

ส่วนการเพิ่มทุนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยจะเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทจาก 14,500 ล้านบาท เป็น 22,192 ล้านบาท เป็นการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 769.23 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ออกเพื่อเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2564 หรือต้นปีหน้า เพื่อให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายกำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ในปี 2566

สำหรับงบลงทุนในปีนี้ตั้งไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2564 บริษัทฯ ได้ใช้เงินลงทุนในโครงการเดิมที่ร่วมทุนแล้ว และโครงการใหม่ รวมเป็นเงิน 5,440 ล้านบาท ได้แก่ การเข้าซื้อหุ้น 10% ของบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีโค่วิน ในเวียดนาม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงนามสัญญาร่วมทุน 2 โครงการใน สปป.ลาว ซึ่งเป็นการลงทุนผ่านบริษัท ราช-ลาว เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยใน สปป.ลาว ได้แก่ โครงการผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง (ถือหุ้น 25%) และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ (ถือหุ้น 9.91%) ซึ่งมีกำหนดชำระเงินลงทุนในไตรมาสที่ 3

ด้านผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 4,210.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยบวกมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้การขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าในออสเตรเลียและส่วนแบ่งกำไรของกิจการร่วมทุน ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายลดลงด้วย สำหรับในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ คาดว่าจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าอีก 2 แห่ง กำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 160.31 เมกะวัตต์ ที่มีกำหนดจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม ทำให้ครึ่งหลังปี 2564 บริษัทจะมีผลการดำเนินงานเติบโตดีต่อเนื่อง ทำให้ทั้งปี 2564 บริษัทจะมีผลประกอบการดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้แน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น