xs
xsm
sm
md
lg

SCGP โกยกำไร Q2 ทะลุ 2.2 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอสซีจีแพคเกจจิ้ง กำไรไตรมาส 2 ทะลุ 2,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 1,904.21 ล้านบาท และมียอดขาย 29,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากปีก่อน ผลดีจากความต้องการแพกเกจจิ้งพุ่งหลังโควิด-19 ระบาดหนัก บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น

นายดนัยเดช เกตุสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอสซีจีแพคเกจจิ้ง กัด (มหาชน) หรือ SCGP แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้มีรายได้จากการขาย 29,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายธุรกิจทั้งแบบ M&P (SOVI และ Go-Pak) และการเติบโตจากภายในอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของ EBITDA 5,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมี EBITDA margin ที่ 19%

ส่วนกำไรสำหรับงวดไตรมาสนี้คือ 2,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 1,904.21 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 8% หากเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสก่อน รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ในขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้น 6% และกำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่ง SCGP ยังคงสามารถบริหารจัดการการดำเนินงานได้ดีท่ามกลางความท้าทายของโรคระบาดใน ASEAN และทั่วโลก

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 1,073 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 25 สิงหาคม 2564 กำหนดวันที่ XD ในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 10 สิงหาคม 2564 ว่ามีกำไรสุทธิ 2,263.26 ล้านบาท

ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนยังคงเผชิญกับปัญหาการระบาดระลอกใหม่ ส่งผลให้เกิดความท้าทายในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนในสถานการณ์ของประเทศอื่นทั่วโลกนั้น มีทั้งประเทศที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้จนกระทั่งสามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ไปจนถึงประเทศที่ยังคงเผชิญกับการระบาดระลอกใหม่ ในขณะที่สถานการณ์การขนส่งทั่วโลกประสบปัญหา เช่น ค่าขนส่งทางเรือ การจัดหาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น

สำหรับอุตสาหกรรมแพกเกจจิ้งในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 นั้น ความต้องการซื้อสินค้าปรับเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการปิดประเทศอย่างเข้มข้นในหลายประเทศ ในขณะที่ภาคการส่งออกของอาเซียนปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของภาคการบริโภคในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป แต่หากพิจารณาเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมานั้น ความต้องการซื้อสินค้าปรับตัวลดลง เนื่องจากวันหยุดเทศกาลในหลายประเทศ

อย่างไรก็ตาม การส่งออกยังมีโอกาสที่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 SCGP มีรายได้จากการขาย 57,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายธุรกิจทั้งแบบ M&P (SOVI และ Go-Pak) และการเติบโตจากภายใน ในส่วนของ EBITDA 10,831 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมี EBITDA margin ที่ 19% ส่วนกำไรสำหรับงวด 4,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 8%


กำลังโหลดความคิดเห็น