บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นกลับสู่แนวโน้มการปรับฐานลงอีกครั้ง เพราะมรสุมข่าวร้ายกระหน่ำรอบด้าน ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน แม้นักลงทุนรายย่อยจะผนึกกำลังตั้งรับซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ต้านแรงขายของต่างชาติและกองทุนในประเทศไม่ไหว ต้องปล่อยให้ดัชนีหุ้นปักหัวลง
กลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นักลงทุนลุ้นกันว่า ดัชนีหุ้นจะตีฝ่าแนวต้านที่ระดับ 1,650 จุดไปได้ เพราะอีกแค่เอื้อม หรืออีกประมาณ 10 จุดจะทะลุแนวต้านสำคัญแล้ว และนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อหุ้นอีกด้วย
แต่ความกังวลภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ พร้อมกับการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และซ้ำเติมด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดหนัก ขณะที่วัคซีนไม่เพียงพอ ทำให้นักลงทุนต่างชาติ กลับมาขาย กองทุนรวมในประเทศถล่มขายซ้ำ ทิศทางตลาดหุ้นจึงเปลี่ยนไป
จากแนวโน้มขาขึ้นกลายเป็นการปรับฐานลง จากที่เคยลุ้นดัชนีหุ้น 1,650 จุด ต้องกลับมาลุ้นว่า การปรับฐานรอบนี้แนวรับ 1,550 จุดจะเอาอยู่หรือไม่
เมื่อวันศุกร์ดัชนีหุ้นถอยลงมาปิดที่ 1,582.67 จุด และยังไม่ได้ซึมซับรับข่าวร้าย การประกาศใช้มาตรการเข้มข้นขึ้นในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยล็อกดาวน์พื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑลและอีก 4 จังหวัดภาคใต้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่งประกาศเปิดประเทศใน 120 วัน แต่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและ 4 จังหวัดภาคใต้ ต้องล็อกดาวน์ 30 วัน เพราะโควิด-19 ลุกลามหนัก ทำให้ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นว่า ภายใน 4 เดือนข้างหน้ารัฐบาลจะเปิดประเทศได้
และการเปิดจังหวัดภูเก็ตนำร่องรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ยังต้องจับตาว่า จะประสบความสำเร็จ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาหรือไม่
หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเริ่มปรับฐานกันลงแล้ว เพราะผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คุมไม่อยู่ และวัคซีนยังกระท่อนกระแท่น ทำให้เชื่อกันว่า การท่องเที่ยวคงไม่ฟื้นเร็ว ขณะที่เศรษฐกิจจะฟุบยาว ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่หวังว่าจะกลับมาอย่างมีนัยในครึ่งปีหลังคงยังไม่กลับมา
รอบนี้นักลงทุนรายย่อยเป็นผู้บาดเจ็บหนัก เพราะซื้อหุ้นตลอดทาง แบกหุ้นต้นทุนสูงไว้เต็มพอร์ต ตลาดปรับตัวขึ้นก็ไม่ค่อยได้ขายหุ้นทำกำไรมากนัก เพราะมองโลกในแง่ดี เชื่อว่า ดัชนีหุ้นจะต้องพุ่งทะลุ 1,650 จุดแน่ๆ
แต่สถานการณ์กลับพลิกผัน หุ้นถูกกระหน่ำด้วยปัจจัยลบรอบด้าน จนเปลี่ยนเป็นขาลงเต็มตัว ส่วนจะลงไปถึงไหนไม่อาจทำนายได้
ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ยืนพื้นระดับ 4,000 รายต่อวันอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เสียชีวิตวันละหลายสิบราย เป็นสิ่งที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน จนถอดใจในการช้อนหุ้นเก็บ
ตลาดหุ้นถูกครอบงำด้วยความกังวลจากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 อย่างเต็มตัว นักลงทุนพากันชะลอการซื้อขายหุ้น เพื่อรอดูสถานการณ์จนกว่าปัญหาการแพร่ระบาดจะคลี่คลาย หรือมีพัฒนาการที่ดีในการฉีดวัคซีนให้ประชาชน
หุ้นจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นเมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับวัคซีนที่เพียงพอในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ แต่ถ้าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังพุ่ง ตลาดหุ้นจะตกอยู่ในสภาพทรงๆ ทรุดๆ ต่อไป
ครึ่งปีหลังที่หวังว่าหุ้นจะฟื้น อาจฟุบยาว และนักลงทุนคงได้แต่เฝ้ากระดานไปวันๆ เท่านั้น เพราะช่องทางทำกำไรแทบปิดตาย ลุยซื้อหุ้นไปเสี่ยงเจ็บตัวเปล่าๆ