ตลาดหุ้นไทยเผยภาพการลงทุนเดือน พ.ค. ดัชนีรับแรงสนับสนุนจากการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 ที่เริ่มแพร่หลายโดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลกชัดเจนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งราคาพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมาก เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยโดยเฉพาะในกลุ่มที่กำไรแปรผันตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกแสดงผลกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 1/2564 เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า แต่หากไม่รวมกลุ่มดังกล่าว พบว่า บริษัทจดทะเบียนไทยรายงานกำไรสุทธิอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 SET Index ปิดที่ 1,593.59 จุด เพิ่มขึ้น 10.0% จากสิ้นปี 2563 ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ โดยอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มธุรกิจการเงิน
ทั้งนี้ ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 SET Index ปิดที่ 1,593.59 จุด เพิ่มขึ้น 10.0% จากสิ้นปี 2563 ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนพฤษภาคม 2564 หลายอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มธุรกิจการเงิน
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 109,446 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.8% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 5 เดือนแรกปี 2564 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 98,859 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 โดยในเดือนพฤษภาคม 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 34,054 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกปี 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 66,870 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนในประเทศมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิ 101,236 ล้านบาท นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2564 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 3 บริษัท และใน mai 3 บริษัท โดยใน 5 เดือนแรกปี 2564 SET มีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN โดยสาเหตุหลักมาจากการเข้าจดทะเบียนของ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) และ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ขณะที่ Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 19.2 เท่า และ 29.65 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.0 เท่า และ 26.8 เท่าตามลำดับ ด้านอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 2.42% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.25%
ส่วนภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือนพฤษภาคม 2564 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 597,159 สัญญา เพิ่มขึ้น 26.1% จากเดือนก่อน ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจาก SET50 Index Futures และ Single Stock Futures