อี ฟอร์ แอล เอม ขายหุ้น "ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง" บริษัทที่ลงทุนในกลุ่มบริษัทวุฒิศักดิ์ เพื่อลดผลกระทบจากการขาดทุนจากการดำเนินงานของธุรกิจความงาม มุ่งเน้นการเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโต 15% ตามแผน พร้อมย้ายกลุ่มไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)
นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL เปิดเผยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2564 ว่าอนุมติการขายหุ้นทั้งหมดของบริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ WCIH ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยบริษัทถือหุ้นอยู่จำนวน 101,849,993 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 56 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง และขายหุ้นในราคาหุ้นละ 0.01 บาท รวมเป็นเงิน 1,018,499.93 บาท ให้ "ทัศนี คนการ" ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกันตามประกาศสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
สำหรับ WCIH ประกอบธุรกิจการลงทุนในกลุ่มบริษัท “วุฒิศักดิ์” ซึ่งประกอบด้วย บจก.วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป บจก.ดับบลิว.เอส.เซอร์จีรี่ 2014 บจก.ดับบลิว เวลเนส อินเตอร์ บจก.วุฒิศักดิ์ คอสเมติก อินเตอร์ บจก.ดับบลิว โกลบอล และ บจก.วุฒิศักดิ์ ฟามาซี อินเตอร์ จำกัด
“การขายหุ้น WCIH ทั้งหมดจะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทดีขึ้น ลดผลกระทบจากการขาดทุนจากการดำเนินงานของ WCIH และบริษัทย่อยของ WCIH ในงบการเงินรวมของบริษัท เนื่องจากการดำเนินของกลุ่มบริษัทวุฒิศักดิ์ไม่เป็นไปตามประมาณการ ส่งผลให้ WCIH มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับแนวโน้มการดำเนินงานของ WCIH และบริษัทย่อยของ WCIH มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิต่อเนื่องและหลายบริษัทหยุดประกอบธุรกิจ บริษัทสามารถจะมุ่งเน้นการทำธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทดีขึ้น และเพื่อให้บริษัทสามารถนำทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะเงินทุนหมุนเวียนใช้ในการดำเนินธุรกิจหลักอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายปรีชา กล่าว
นายปรีชา กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งเป็นรายได้หลัก และตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 บริษัทได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 เช่น เครื่องเอกซเรย์ปอดแบบ Portable เครื่อง Oxygen Hi Flow เครื่องตรวจสมรรถภาพปอดแบบ Portable เครื่องวัดสัญญาณชีพผู้ป่วยในห้องควบคุมความดันลบ เป็นต้น เพื่อป้อนให้แก่โรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตในอนาคต
ขณะที่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีเม็ดเงินจากการเพิ่มทุนกว่า 176 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งทางการเงินมากขึ้นด้วย และมั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ปีนี้จะเติบโต 15% ตามแผน และในวันที่ 11 มิถุนายน 2564 จะปรับย้ายกลุ่มอุตสาหกรรมจากกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ (Services) ไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)