จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้ คลินิกและสถาบันเสริมความงาม ถูกสั่งปิดการให้บริการชั่วคราวมาตลอด ที่ผ่านมาบรรดาเจ้าของคลินิกก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ใช้ช่วงเวลานั้นปรับกลยุทธ์พัฒนารูปแบบการบริการ เพื่อเตรียมเปิดให้บริการแก่ลูกค้าที่รอคอยมานานได้อย่างตรงจุดและตรงใจอย่างทันท่วงที
นอกจากจะปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดแล้ว แต่ละแห่งเตรียมซัพพอร์ตความงามให้ลูกค้าที่อดใจรอกันมานานอย่างไรบ้าง?
เริ่มที่ “หมอบอย-นพ. พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ” ผู้อำนวยการ AIC Clinic ผู้นำด้านการฉีดสารเติมเต็ม Filler HA เพื่อปรับโครงกระดูกใบหน้าอันดับต้นๆ ของเอเชีย เล่าว่า “ตั้งแต่โควิดรอบแรกจนมาถึงรอบนี้ เราจะจัดเวลาไม่ให้ลูกค้ามาชนกัน ไม่รับลูกค้าที่เดินเข้ามาโดยไม่ได้นัดหมาย เพื่อลดความเสี่ยง พร้อมเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องฟิลเลอร์แก่ลูกค้าเก่าและใหม่ผ่านทางออนไลน์มากขึ้น แบบไม่ต้องเดินทางมาด้วยตัวเอง
“ขณะเดียวกัน ได้มีการปรับปรุงแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ทั้งเฟซบุ๊กและไลน์ เพื่อสื่อสารกับลูกค้าให้ได้ผลดียิ่งขึ้น รวมถึงในเรื่องการปรึกษา การวางแผนการรักษา และการติดตามผลการรักษาผ่านทางออนไลน์ ซึ่งหากลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่สนใจจะปรับปรุงรูปหน้าของตัวเอง เราก็จะให้ลูกค้าถ่ายภาพใบหน้าของตัวเองมาทั้งหมด 5 แบบตามที่หมอสั่ง แล้วส่งภาพมาทางออนไลน์ เพื่อประเมินและวางแผนรักษา และเมื่อคลินิกกลับมาเปิดให้บริการ เราก็จะนัดลูกค้าเข้ามาทำการฉีดฟิลเลอร์แก้ไขรูปหน้าได้ทันที โดยใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงในการทำต่อเคส
นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถรับรู้นวัตกรรมใหม่ๆ ของการฉีดฟิลเลอร์ผ่านทาง http://aic-clinic.info/ข้อมูลบริการฉีดฟิลเลอร์ โดยตั้งแต่ปี 2563 ผลจากการทำการตลาดออนไลน์จนมาถึงปีนี้ ฐานลูกค้าเก่าไม่ได้ลดลงและยังมีกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกด้วย” หมอบอยอธิบายด้วยน้ำเสียงสดใส
ด้าน หมอหนุ่ม-นพ. นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ ผู้บริหารคลินิกรักษาด้านผิวหนังที่ ใช้เลเซอร์รักษาทางการแพทย์แบบครบวงจร ภายใต้แบรนด์ Dr.TATTOF กล่าวว่า “ช่วงที่ทางคลินิก 7 สาขาในกรุงเทพฯ และอีก 2 สาขาที่ชลบุรี ปิดให้บริการนั้น เราได้มีการปรับปรุงเคาน์เตอร์แผนกต้อนรับ และห้องทำเลเซอร์ทุกสาขา รวมถึงเปิดรับพนักงานเพิ่ม เพื่อให้รองรับการให้บริการแก่ลูกค้าที่ซื้อคอร์สกับเราไว้ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งให้พนักงานทำหน้าที่ขายคอร์สเลเซอร์ต่างๆ ผ่านทางออนไลน์อยู่ที่บ้าน หรือไม่ก็โทร.ไปรายงานกับลูกค้าเก่าว่า คอร์สที่ซื้อไว้ใกล้หมดแล้ว และเสนอโปรโมชันใหม่ที่ถูกกว่าเดิมให้ลูกค้า ซึ่งได้ผลดีเกินคาด ลูกค้าส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อคอร์สเลเซอร์เก็บไว้ หลังจากคลินิกเปิดก็จะทำการโทร.นัดคิวกับลูกค้า ให้เข้ามารับบริการตามปกติ”
หมอหนุ่มเล่าต่อว่า โปรแกรมที่มีลูกค้าจองคิวเข้ารับบริการมากที่สุดในช่วงนี้คือ การลบรอยสักตามตำแหน่งต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะ บริเวณคิ้วที่มียอดลูกค้าจองคิวเข้ารับบริการแบบข้ามปีกันเลยทีเดียว
“ลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อคอร์สลบรอยสัก และที่มากที่สุดคือ ลบรอยสักคิ้ว เพราะมีลูกค้าหลายรายทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ที่เคยไปสักคิ้วมาก่อนหน้านี้ เมื่อวันเวลาผ่านไปแล้วอาจจะไม่สวยถูกใจ ต้องการจะสักใหม่แต่ต้องลบของเดิมทิ้งไปก่อน ดังนั้น บริการลบรอยสักคิ้วจึงเป็นคอร์สยอดฮิตของลูกค้าต้องการ ซึ่งหลังจากที่คลินิกกลับมาเปิดให้บริการ เราก็จะนัดลูกค้าที่จองคิวไว้ล่วงหน้าเข้ามารับบริการทันที”
ขณะที่ “แบงค์-กัลยรัตน์ อัครเดชเดชาชัย” เจ้าของธุรกิจความงาม อิมเมจินี และเดซี ดีว่า คลินิก เล่าว่า “บริการยอดฮิตที่มีลูกค้าจองคิวไว้ในช่วงตั้งแต่เมษายนจนถึงช่วงที่คลินิกปิดให้บริการคือ คอร์สเลเซอร์กำจัดขน หนวด เครา ไรขนบนใบหน้า ไรขนที่คิ้ว รักแร้ แขน ขา แผ่นหลัง แต่ที่นิยมรักษามากที่สุดคือ หนวด รักแร้ ขาและบริเวณบิกินี โดยเฉพาะ บิกินี มีลูกค้าจองคิวใช้บริการมากที่สุด เพราะช่วงนี้ประเทศไทยอากาศร้อน และลูกค้าหลายรายต้องการไปเที่ยวทะเล เพื่อใส่ชุดบิกินีถ่ายรูปริมชายหาด เมื่อมีการคลายล็อกดาวน์แล้ว ดังนั้นการเลเซอร์กำจัดขนให้ดูเรียบเนียนบริเวณบิกินี จึงเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ และในช่วง 7 วันก่อนคลินิกจะกลับมาเปิดให้บริการตามเดิม เราจะให้พนักงานโทร.ไปนัดคิวกับลูกค้าที่ซื้อคอร์สไว้ เพื่อจะได้จัดตารางและเวลาการให้บริการที่เหมาะสมต่อไป”
สำหรับ พญ. พลอยลดา ธนาไพศาลวรกุล ผู้บริหารคนเก่งแห่ง ลลลนา คลินิก (Lollana Clinic) สถาบันเสริมความงามด้านผิวพรรณและการปรับรูปหน้า ผู้อยู่เบื้องหลังความสวยใสสุขภาพดีของเหล่าดาราเซเลบริตีทั่วเมืองไทยมากว่า 10 ปี เล่าว่า ช่วงที่คลินิกต้องถูกปิดชั่วคราว ไม่ได้ทำให้ยอดซื้อคอร์สความงามลดลงไปเท่าไหร่นัก เพราะลูกค้าเชื่อในฝีมือและอุปกรณ์อันทันสมัยและความปลอดภัยของคลินิก ซึ่งคอร์สที่ลูกค้าสั่งจองไว้มากที่สุดคือ โปรแกรม Super HIFU ยกระชับผิวหน้าไม่ให้หย่อนคล้อย ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่ไม่ต้องใช้มีดหมอ หากแต่ใช้เครื่อง High Intensity Focusing Ultrasound แทนการผ่าตัด
“โปรแกรมนี้เราได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก เพราะทำให้ใบหน้ายกระชับเหมือหนุ่มสาวแรกรุ่น โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดและใช้เวลาในการทำไม่นาน ซึ่งช่วงที่ลูกค้ายังไม่สามารถมาเข้ารับบริการได้ เราก็จะให้พนักงานติดตามการรักษาผ่านทางไลน์ที่คุยกับลูกค้า ส่วนลูกค้าใหม่ในช่วงนี้ก็จะให้ถ่ายภาพใบหน้าและลำคอส่งมาให้ทางไลน์ เพื่อขอรับคำปรึกษาจากคุณหมอว่า ควรยกระชับบริเวณไหนให้ตึงเป็นพิเศษ และเมื่อคลินิกเปิดให้บริการเราก็จะทำการนัดลูกค้าเข้ามารับบริการยกกระชับผิวในทันที ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อเคสในการให้บริการ ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับสภาพผิวและบริเวณที่เน้นยกกระชับเป็นหลัก”
ส่วน “มาดามจอย–ขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน” แห่ง รมย์รวินท์ คลินิก (Romrawin Clinic) เล่าว่า “สาขาของเราในกรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบเต็มๆ เพราะต้องปิดหมด พนักงานต้องทำงานอยู่ที่บ้าน มีการอบรมการให้บริการลูกค้าแก่พนักงานผ่านโปรแกรมซูมมีตติ้ง เพื่อพัฒนาทักษะการให้บริการที่ดีกับลูกค้ามากขึ้น พร้อมให้พนักงานทุกคนขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และการบริการหลังการขายผ่านทางออนไลน์
“รมย์รวินท์ไม่ได้เน้นการขายคอร์สความงามออนไลน์ เพราะเรามีลูกค้าที่เคยซื้อคอร์สค้างไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นโปรแกรมยกกระชับผิวหน้าให้แลดูอ่อนกว่าวัย ดังนั้น ช่วงที่ปิดให้บริการเราจึงเน้นให้พนักงานทุกคนทุกสาขาขายผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิว ที่ทางเราได้มีการพัฒนาขึ้นมาเฉพาะ สำหรับลูกค้าที่มีปัญหาริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ โดยเฉพาะ ซึ่งเราจะให้พนักงานโทร.ไปสอบถามลูกค้าถึงบ้านว่า ผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่หมดหรือยัง เพื่อทำการจัดส่งไปให้ถึงบ้านในทันที” มาดามจอยกล่าวส่งท้าย
