xs
xsm
sm
md
lg

Satang Pro ปล่อยฟีเจอร์ Multiple Network ชี้ตลาดอยู่ระหว่างปรับฐาน แนะลงทุนยาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




Satang Pro ปล่อยฟีเจอร์ Multiple Network ให้ค่าโอนถูกลงและโอนไวมากขึ้น เอาใจสาย Defi และ Arbitrage พร้อมแคมเปญรับเงินคืน จาก 5 เหรียญใหม่ LUNA CAKE VET ICP SOL ด้านแนวโน้มตลาดคริปโตฯ อยู่ระหว่างปรับฐาน แต่จะไม่ลงไปลึกเหมือนในรอบปี 2017 แนะมองการลงทุนระยะยาว มีโอกาสทำกำไรมากกว่า

นายปรมินทร์ อินโสม กรรมการและผู้ก่อตั้ง สตางค์ คอร์ปอเรชั่น
ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Satang Pro (สตางค์โปร) กล่าวว่า “Multiple Network” ฟีเจอร์ใหม่นี้ทำให้ค่าธรรมเนียมการโอนระหว่างกระดานเทรดถูกลงได้ถึง 20 เท่า และรวดเร็วกว่าเดิม เช่น นักเทรดสายฟาร์ม Defi จะสามารถโอนเหรียญ BNB และ CAKE จาก Satang Pro ตรงไปที่กระเป๋า Metamask (BSC Chain) ได้โดยไม่ต้องผ่าน Binance แก้ปัญหาการเสียค่าธรรมเนียม 2 ต่อและรวดเร็วมากขึ้น จากเดิมที่โอนจากกระดานเทรดในไทย ไปยัง Binance ไปเข้า Wallet แล้วจึงไปทำฟาร์มที่ Metamask

ส่วนในกลุ่มนักเทรดแบบ (อาร์บิทราจ) Arbitrage หรือการทำกำไรส่วนต่างแบบทันที ก็จะได้ประโยชน์จากการโอนแบบทันทีระหว่าง Satang Pro กับ กระดานเทรดอันดับหนึ่งของโลก อย่าง Binance ด้วยกลยุทธ์การทำกำไรความเสี่ยงต่ำ เช่น ในการโอนสกุลเงินดิจิทัลชนิดเดียวกันที่ราคาแตกต่างกันระหว่าง Exchange ถ้าราคา Bitcoin ที่ Binance ต่ำกว่า Satang Pro นักลงทุนอาจพิจารณาซื้อ Bitcoin ที่ Binance แล้วโอนมา Satang Pro แบบทันทีเพื่อขายทำกำไรส่วนต่าง หรือกรณีเดียวกันที่ Bitcoin บน Binance ราคาต่ำกว่า นักลงทุนอาจใช้เงินบาทซื้อ USDT บน Satang Pro แล้วโอนผ่านเน็ตเวิร์ก TRC-20 ไป Binance เพื่อไปซื้อ Bitcoin ที่นั่นก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นการทำ Arbitrage ในตลาดคริปโตรูปแบบใหม่ ที่ทั้ง โอนไว และค่าธรรมเนียมถูก

นายสรัล ศิริพันธ์โนน ซีอีโอ สตางค์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวเสริมว่า Multiple Network เป็นฟีเจอร์ที่ Satang พัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุด มีเฉพาะที่ Satang Pro เท่านั้น เพื่อขจัด Pain Point หรือปัญหาค่าธรรมเนียมการโอนระหว่างกระดานเทรดที่สูง และใช้ระยะเวลานาน ช่วยให้นักเทรดสามารถโอนเหรียญไปยังกระดานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นในไทย หรือต่างประเทศได้ถูกลงและรวดเร็วขึ้นทำให้การเทรดของนักลงทุนไม่สะดุดและเพิ่มโอกาสทำกำไรโดยเรานำร่องทดลองใช้งานกับ 2 เหรียญที่ได้รับความนิยมได้แก่ BNB และ USDT และกำลังพิจารณาเพิ่มเน็ตเวิร์กในเร็ววันนี้เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักเทรดทำกำไรได้มากขึ้น

โดยฟีเจอร์ Multiple Network ในขณะนี้นักเทรดสามารถเลือกโอนเหรียญ USDT จาก Satang Pro ผ่านเน็ตเวิร์ก TRC-20 ไปยัง Binance เพื่อไปซื้อ Bitcoin ได้รวดเร็วขึ้น และเสียค่าธรรมเนียมถูกลงกว่า 20 เท่า จึงเหมาะกับนักเทรดที่ต้องการทำกำไรกับการอาร์บิทราจ (Arbitrage) เป็นอย่างมาก ด้านเหรียญ BNB ผู้ใช้งานสามารถโอนผ่านทาง Binance Smart Chain (BEP-20) ไปยังกระเป๋าเงินส่วนตัวโดยตรงได้ เช่น Metamask, Trust Wallet, Safepal เพื่อนำเงินเข้าสู่โลก Decentralized Finance เช่น PancakeSwap รวมไปถึงสามารถซื้อผลงานดิจิทัลที่มีคุณค่าในโลก NFT (Non-Fungible Token) ได้ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น BakerySwap

นอกจากนี้ Satang ยังได้เพิ่ม 5 เหรียญใหม่ ได้แก่ LUNA, CAKE, VET, ICP และ SOL ที่มาพร้อมกับแคมเปญพิเศษรับเงินคืน โดยหลักในการเลือกเพิ่มเหรียญของ Satang คือเหรียญจะต้องมีพื้นฐานการพัฒนาที่ดี คุณภาพสูง กำลังได้รับความสนใจ และมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต จะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมามีเหรียญใหม่ๆ เกิดขึ้นและได้รับความนิยม บางเหรียญปั่นจนเกินความเป็นจริงไปมากและก็หมดมูลค่าลงในเวลาอันรวดเร็วเพราะไม่มีพื้นฐานที่แน่นพอ ซึ่งเราจะไม่เลือกเหรียญเหล่านั้นเข้ากระดาน

สำหรับแนวโน้มตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในช่วงนี้ นายปรมินทร์ ให้ความเห็นว่า การที่บิตคอยน์ปรับลดลงมากว่า 50% จากราคาช่วงเดือนมีนาคมที่ขึ้นมาตลอดนั้นคือการที่ตลาดทั้งหมดกำลังปรับฐาน แต่จะไม่ลงไปลึกเหมือนในรอบปี 2017 ความแตกต่างก็คือในรอบนี้ผู้เล่นรายใหญ่อย่างนักลงทุนสถาบัน กองทุนระดับโลก มองบิตคอยน์เป็นหนึ่งใน Asset Class เช่นนักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ตั้งข้อสังเกตว่าทั้ง Bitcoin และ Copper ทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ในขณะที่ทองคำถูกมองว่าเป็น Safe Haven ล่าสุด Standard Chartered Ventures (SC Ventures) และ BC Technology Group ก็ประกาศความร่วมมือในการจัดตั้งโบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัลและแพลตฟอร์มการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี ฉะนั้นในระยะยาวตลาดนี้จะไปต่อแน่นอน”

ส่วนการทำกำไรระยะสั้นจากตลาดในสภาวะ Sideways ยังคงทำได้แต่ต้องระวังและเชี่ยวชาญมากๆ อยากให้นักเทรดเปลี่ยน Mindset ให้มองเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่าจะเป็นการเทรดทำกำไรระยะสั้น เพราะโอกาสในการทำกำไรระยะยาวมีมากกว่า และที่สำคัญคริปโตเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูง นักลงทุนไม่ควรลงทุนมากกว่าเงินที่พร้อมจะเสีย


กำลังโหลดความคิดเห็น