นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า ทีมบริหารจัดการได้วิเคราะห์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีในประเทศจีนมีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่นจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและการดำเนินนโยบายของรัฐบาลจีน โดยในปี 2025 (พ.ศ. 2568) IMF คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะมีสัดส่วนถึง 27% ของการเติบโตของ GDP โลก ซึ่งสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก (ที่มา : Bloomberg analysis of IMF data) โดยหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนคืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เนื่องจากรัฐบาลจีนได้วางยุทธศาสตร์มุ่งเน้นเพิ่มความแข็งแกร่งด้านกลยุทธ์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น การวางเครือข่าย 5G ครอบคลุมทั้งประเทศภายในปี 2025, การสร้างพื้นที่ทดลองสำหรับนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) 20 แห่งภายในปี 2023 (พ.ศ. 2566), การพัฒนาศูนย์เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Centers) ภายในปี 2025 เป็นต้น เพื่อให้จีนไม่ต้องพึ่งพาสินค้าไฮเทคโนโลยีจากต่างชาติและก้าวเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของโลกภายในปี 2035 (พ.ศ. 2578) (ที่มา : China Briefing August 7, 2020)
ขณะที่ในแวดวงตลาดทุน ในปี 2019 รัฐบาลจีนได้จัดตั้งกระดาน SSE science and technology innovation board (ตลาด STAR Market) เพื่อสนับสนุนการระดมทุนของผู้ประกอบธุรกิจในกลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีศักยภาพการเติบโต ผ่านการผ่อนปรนข้อกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ส่วนในปี 2020 ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงได้จัดตั้งดัชนี Hang Seng Tech Index เพื่อรวบรวมหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมขนาดใหญ่ที่สุด 30 บริษัทแรก ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศสามารถเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าวได้ง่ายขึ้น
นายจุมพลกล่าวต่อว่า จากความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรม ล่าสุดจึงเปิดตัวกองทุนเปิดพรินซิเพิล ไชน่า เทคโนโลยี หรือ Principal China Technology Fund (PRINCIPAL CHTECH) มีทุนจดทะเบียน 3,000 ล้านบาท (Greenshoe 15%) เตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 19-25 พฤษภาคม 2564 สั่งซื้อขั้นต่ำครั้งละ 1,000 บาท โดยมีนโยบายการลงทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่ง PRINCIPAL CHTECH เป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุนประเภท Fund of Funds ที่จะลงทุนอย่างน้อย 2 กองทุน ในสัดส่วนกองทุนละไม่เกินกว่าร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในจีนและฮ่องกง ในดัชนี Hang Seng Tech Index และ SSE STAR 50 Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ที่สุด 50 บริษัทแรกในตลาด STAR Market ผ่านการลงทุนในกองทุน iShares Hang Seng TECH ETF ที่บริหารจัดการโดย BlackRock Asset Management Ireland Limited ในสัดส่วนประมาณ 70% และลงทุนในกองทุน KraneShares SSE STAR Market 50 Index ETF ที่บริหารจัดการโดย Krane Funds Advisors, LLC ในสัดส่วนประมาณ 30% เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีและเติบโตไปพร้อมกับสังคมดิจิทัลในประเทศจีน ทั้งนี้ พอร์ตลงทุนสามารถปรับสัดส่วนได้ตามสภาพการลงทุนและโอกาสการลงทุนที่เหมาะสม
จุดเด่นของกองทุนเปิด PRINCIPAL CHTECH เน้นการผสมผสานพอร์ตโฟลิโอการลงทุนผ่าน 2 กองทุนดังกล่าวในธุรกิจ Hard Tech หรือเป็นเทคโนโลยีที่สามารถจับต้องได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอุปกรณ์ขั้นสูง, เทคโนโลยียุคใหม่, พลังงานยุคใหม่, เทคโนโลยีการแพทย์รูปแบบใหม่ เป็นต้น และการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีขนาดเล็กถึงใหญ่ที่ผลิตสินค้าในรูปแบบ Soft Tech ที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, ธุรกิจฟินเทค, ธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง เป็นต้น ที่พร้อมเติบโตไปกับเศรษฐกิจยุคใหม่ของจีน โดยมีตัวอย่างหุ้นในพอร์ตลงทุน เช่น Xiaomi ผู้ผลิตและลงทุนในสินค้าอุปกรณ์อัจฉริยะคุณภาพดีในราคาจับต้องได้, Tencent ผู้นำการให้บริการซูเปอร์แอปฯ ซึ่งเป็นเจ้าของโซเชียลเน็ตเวิร์กยอดนิยมในจีนอย่าง WeChat QQ แอปพลิเคชันเพื่อความเทิง, KUASHOU TECHNOLOGY ผู้สร้างแอปพลิเคชันวิดีโอแชริ่งแบบสั้นที่ได้รับความนิยมในจีน ฯลฯ
“กองทุนเปิดพรินซิเพิล ไชน่า เทคโนโลยี เป็นกองทุนที่ลงทุนครอบคลุมหุ้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีจีนที่มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับยุทธศาสตร์ชาติจีน หรือ Made in China 2025 และเป้าหมายการเป็นผู้นำนวัตกรรมโลกในปี 2035 ในขณะที่เศรษฐกิจจีนมีความแข็งแกร่งจากการเติบโตการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งเราคาดว่าเทคโนโลยีในด้านสินค้าและบริการจะเป็นหนึ่งในการผลักดันการเติบโตการบริโภคได้เป็นอย่างดี รวมถึงระดับราคาในปัจจุบันเหมาะสมกับการลงทุนในธุรกิจเทคจีนที่มีศักยภาพที่จะสร้างโอกาสของผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุน” นายจุมพลกล่าว