บอร์ด "บี-52 แคปปิตอล" ใหจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนล็อตแรกแบบ RO ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 349.55 ล้านหุ้น ในอัตราส่วน 6.5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิ 8 มิ.ย.64 และเปิดจองซื้อตั้งแต่วันที่ 5-9 ก.ค.นี้ เพื่อนำเงินไปใช้เป็นทุนหมุนเวียน
น.ส.นราวดี วรวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี-52 แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ B52 เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 มีมติอนุมัติการออกและการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ครั้งที่ 1 จำนวนไม่เกิน 349,550,000 หุ้น (คิดเป็นร้อยละ 15.38 ของทุนชำระแล้วของบริษัท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) ตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม ตามแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ในอัตราส่วน 6.5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท โดยกำหนดวัน Record Date เพื่อสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ในวันที่ 8 มิถุนายน 2564 และให้กำหนดวันจองซื้อ และวันชำระเงินค่าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ระหว่างวันที่ 5-9 กรกฎาคม 2564
ทั้งนี้ การเพิ่มทุนในครั้งนี้เป็นการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป ซึ่งที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2564 ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก จำนวน 340,804,995 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 1,262,393,735 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 1,603,198,730 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 681,609,990 หุ้น แบ่งการจัดสรรเป็นเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวนไม่เกิน 454,406,660 หุ้น (คิดเป็นร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้วของบริษัท) และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 227,203,330 หุ้น (คิดเป็นร้อยละ 10 ของทุนชำระแล้วของบริษัท) เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
"สำหรับวัตถุประสงค์การเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาธุรกิจผ่านร้านค้าปลีกในเครือข่ายที่มีอยู่กว่า 120,000 ร้านทั่วประเทศ ทั้งธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้า ธุรกิจการเงิน ธุรกิจโฆษณาประชาสัมพันธ์ ธุรกิจดิจิทัล และธุรกิจอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีสถานะทางการเงินมั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น พร้อมที่จะผลักดันการเติบโตในระยะยาว"
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯ วางเป้าหมายธุรกิจกลับมาเทิร์นอะราวนด์หลังปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายและแนวทางที่ชัดเจน มุ่งเน้นการทำธุรกิจในเครือข่ายค้าปลีกทั่วประเทศกว่า 120,000 ร้านค้า ผ่านแพลตฟอร์ม “ทันใจดี” ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุค New Normal ซึ่งจะทำให้ร้านค้าปลีกมีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต และเป็นการเพิ่มรายได้ให้บริษัท B52 อย่างต่อเนื่อง
โดยบริษัทฯ กำลังดำเนินงานธุรกิจผ่านร้านค้าปลีกในเครือข่าย เช่น การให้บริการทางการเงินกับพันธมิตรแก่ร้านค้า (B2B) และ แก่ลูกค้าของร้านค้า (B2C) ผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทฯ เช่น สินเชื่อเอสเอ็มอี สินเชื่อรถแลกเงิน เป็นต้น
รวมทั้งบริษัทฯ ได้เพิ่มรูปแบบการให้บริการสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบครบวงจร ให้มีความหลากหลายมากขึ้นผ่านร้านค้าปลีกทั่วประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังดำเนินงานขยายธุรกิจออน์ไลน์และดิจิทัลผ่านบริษัทวันดิจิตอลเน็ตเวิร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ B52 ที่มีฐานลูกค้ากว่า 2 ล้านคนในแต่ละเดือน หรือ 24 ล้านคนในแต่ละปี โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ และกำไรให้บริษัทฯ ได้เพิ่มขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่มเติมอีกด้วย