บิสซิเนสอะไลเม้นท์ โชว์ผลงานไตรมาสแรกกำไรพุ่งกระฉูด 81.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 435.07% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 15.28 ล้านบาท ยังคงส่งมอบเครื่องฉายรังสีมะเร็งตามนัด โชว์ Backlog แน่นกว่า 2.5 พันล้านบาท ส่วนใหญ่รับรู้รายได้ในปีนี้ หนุนผลงานออลไทม์ไฮ ยืนยันแม้โควิด-19 แพร่ระบาดแต่ไม่กระทบธุรกิจ เดินหน้าลุยทำการตลาดเชิงรุกโรงพยาบาลมะเร็ง ศรีราชา หวังผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว
นายสมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ( BIZ) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยสำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 มีรายได้รวม 551.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 288.30 ล้านบาท หรือ 109.62% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 81.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.48 ล้านบาท หรือ 435.07% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15.28 ล้านบาท
"รายได้และกำไรที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 1/64 ได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งมอบเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งให้โรงพยาบาลภาครัฐที่เป็นคู่สัญญาได้ตามแผนงานที่วางไว้ โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 2,542 ล้านบาท ส่วนใหญ่ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ และอยู่ระหว่างเข้าร่วมประมูลในหลายโครงการ"
นายสมพงษ์ กล่าวว่า จากจำนวน Backlog ที่อยู่ในระดับสูง และมีโอกาสคว้างานใหม่เพิ่มเติม ทำให้ทิศทางของรายได้และกำไรในปีนี้มีโอกาสสร้างสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัท ซึ่งถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทีมผู้บริหารในการทำการตลาด และขยายฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจยังสามารถรักษาระดับการเติบโตได้ในระดับสูง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
“แม้จะเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 แต่ก็ไม่ได้ทำให้การส่งมอบงานให้ลูกค้าโรงพยาบาลภาครัฐสะดุด โดยบริษัทฯได้มีการเตรียมแผนรับมือเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข”
ขณะเดียวกัน ในส่วนของโรงพยาบาลเฉพาะทางมะเร็ง แคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 65% ในปีนี้จะมีการทำการตลาดในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากเข้าร่วมโครงการภาครัฐ ผู้ถือบัตรทอง 30 บาท รักษาได้ทุกที่ทั่วประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถถือบัตรทองเพื่อยืนยันตัวตนเข้ารับการรักษาได้โดยไม่ต้องรอคิวฉายรังสีรักษาเป็นเวลานานเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีจำนวนผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว
