แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี อวดผลงานไตรมาสแรกมีรายได้กว่า 1,824 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท พร้อมตุน Backlog ในมือ 5,700 ล้านบาท มั่นใจรายได้ปี 2564 ทำได้ 6,500 ล้านบาท ตามเป้า แม้ต้องเผชิญต่อการแพร่ระบาดของโควิด–19 ระลอกที่ 3 แต่มองเทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทำให้ต้องเร่งพัฒนาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไป โดยเตรียมรุกเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจบริการออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 (มกราคม-มีนาคม 2564) จากงบเฉพาะกิจการ บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 1,824 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 48% และมีกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1,232 ล้านบาท และ 62 ล้านบาทตามลำดับ เป็นผลมาจากการทยอยส่งมอบงานให้แก่ลูกค้าทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจาก Backlog ในปี 2563 จำนวน 4,760 ล้านบาท และโครงการในไตรมาสแรกของปี 2564
แม้ในปัจจุบันยังคงต้องเผชิญต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เตรียมรับมืออย่างเต็มที่ โดยยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจ และมั่นใจผลการดำเนินงานในปี 2564 จะทำได้ 6,500 ล้านบาท ตามเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบ Conservative Growth โดยเน้นการพัฒนาการให้บริการเพื่อสร้างความพึงพอใจของลูกค้าอย่างสูงสุด รวมถึงการพัฒนาบุคลากรและระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งการมุ่งเน้นผลกำไรและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 นี้ บริษัทได้รับโครงการใหม่ๆ เช่น โครงการสัญญาซื้อขาย Storage สำหรับขยายระบบคลาวด์กลางภาครัฐ และโครงการสัญญาจ้างบำรุงรักษาระบบและอุปกรณ์โครงข่ายสื่อสารข้อมูลของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมเข้าร่วมประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมุ่งเน้นเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากภาครัฐเร่งเดินหน้าแผนการลงทุนด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ตามกรอบงบประมาณปี 2564 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจุบัน AIT มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ วันที่ 30 เมษายน 2564 อยู่ที่ 5,700 ล้านบาท และยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) อีกประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้
“แม้ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่ 3 แต่บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริม Backlog อย่างเต็มที่ โดยยังเดินหน้าตามแผนธุรกิจที่วางไว้ เนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันและต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในสถานการณ์โรคระบาดทำให้ผู้คนหันมาเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่าย หรือระบบ Cloud Computing เพื่อรองรับการทำงานทุกด้าน ทั้งด้านการจัดเก็บข้อมูล ด้านการติดตั้งฐานข้อมูล หรือการใช้งานซอฟต์แวร์เฉพาะด้านในธุรกิจต่างๆ เพื่อเข้าถึงข้อมูล และสามารถอำนวยความสะดวกได้ ซึ่งในอนาคตจะเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ การใช้ชีวิต และการทำกิจกรรมต่างๆ ทำให้บริษัทฯ ไม่หยุดที่จะพัฒนารูปแบบการทำงานให้รองรับการใช้งานของลูกค้า” นายศิริพงษ์ กล่าว