โบรกเกอร์ต่างเชียร์ "ซื้อ" หุ้น บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เล็งผลประกอบการเติบโตดีตลอดปี 64 จากากราคาของบรรจุภัณฑ์กระดาษเป็นแนวโน้มขาขึ้น และยังเป็นไปตามทิศทางการขยายตัวกลุ่มธุรกิจ E-commerce และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ตอบรับกับความต้องการเพิ่มขึ้นกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พร้อมรับรู้รายได้จาก Bien Hoa Packaging Joint Stock Company (SOVI) โรงงานกล่องบรรจุภัณฑ์ในประเทศเวียดนาม และ Go-pak หนึ่งในผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารรายใหญ่ในแถบสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ในเวียดนามเข้ามาเต็มปี
อีกทั้งมีอัปไซด์จากดีลซื้อหุ้น Duy Tan Plastics Manufacturing Corporation (Duy Tan) ผู้ผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูปชั้นนำในประเทศเวียดนาม คาดว่าจะปิดดีลได้ในช่วงกลางปี 64
นอกจากนี้ ช่วงสั้นยังมีลุ้นเข้าคำนวณดัชนี MSCI Rebalance ที่จะประกาศออกมาเร็วๆ นี้ด้วย
หุ้น SCGP ปิดเช้าที่ 56.25 บาท ลดลง 0.75 บาท (-1.32%) ขณะที่ดัชนี SET ปิดเช้าลบ 6.01 จุด
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ทิสโก้ ซื้อ 63.00
ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 57.00
โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 60.00
กรุงศรี ซื้อ 60.00
ยูโอบี เคย์เฮียน ซื้อ 62.00
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 58.00
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่าฝ่ายวิจัยฯ มีมุมมองเชิงบวกกับหุ้น SCGP เนื่องจากระยะสั้นเป็นหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และแนวโน้มผลประกอบการตลอดทั้งปี 64 ยังสามารถเติบโตต่อเนื่องตามทิศทางการขยายตัวกลุ่มธุรกิจ E-commerce และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรตอบรับกับความต้องการเพิ่มขึ้นกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เบื้องต้น ประเมินกำไรสุทธิปี 64 เติบโตถึง 40% YoY หลังจากประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% YoY และเพิ่มขึ้น 44% QoQ ดีกว่าที่ตลาดคาดถึง 28% เป็นไปในทิศทางการเติบโตของตามยอดขายและกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น
อีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนสำคัญคือ การรับรู้รายได้จาก Bien Hoa Packaging Joint Stock Company (SOVI) โรงงานกล่องบรรจุภัณฑ์ในประเทศเวียดนาม และ Go-pak หนึ่งในผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารรายใหญ่ในแถบสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ในเวียดนามเข้ามาเต็มปี และมีประเมินมูลค่าอัพไซด์จากดีลซื้อหุ้น Duy Tan Plastics Manufacturing Corporation (Duy Tan) ผู้ผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูปชั้นนำในประเทศเวียดนามเพิ่มมูลค่าอีก 3 บาทต่อหุ้น คาดว่าจะปิดดีลได้ในช่วงกลางปี 64
"ช่วงสั้นยังมีประเด็นเชิงบวกสนับสนุน Sentiment ระยะสั้นจากการคาดว่า SCGP จะถูกนำเข้าคำนวณดัชนี MSCI Rebalance รอบล่าสุด ช่วยผลักดันราคาหุ้นกลับมา Outperfrom ภายใต้อัปไซด์ยังมีความน่าสนใจอิงกับปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 60 บาทต่อหุ้น เบื้องต้น ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่า MSCI Rebalance จะประกาศวันที่ 11 พ.ค.64 และจะมีผลราคาปิดวันที่ 27 พ.ค.64 คาดหุ้นไทยคาดเข้า ใหม่ 3 บริษัท คือ SCGP, IRPC, COM7 ส่วนหุ้นคาดถูกถอดออกคือ DTAC, KBANK-F" นายกรภัทร กล่าว
ล่าสุด SCGP ยังประกาศต่อยอดความสำเร็จตลาดอินโดนีเซียด้วยการเข้าร่วมลงทุนซื้อหุ้น 75% ใน PT Indonesia Dirtajaya Aneka Industri Box, PT Bahana Buana Box และ PT Rapipack Asritama (รวมเรียกว่า Intan Group) ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกที่มีฐานธุรกิจใน 4 จังหวัดหลัก คาดธุรกรรมเสร็จสิ้นกลางปีนี้ ก้าวสู่เป้าหมายเสริมศักยภาพและบูรณาการความ เป็นผู้นำในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Intan Group เป็นหนึ่งในผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกในอินโดนีเซีย มีลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ อุปโภคบริโภค ทั้งที่เป็นบริษัทข้ามชาติและเจ้าของกิจการภายในประเทศ ในปี 63 Intan Group มีรายได้ 1,329 พันล้านรูเปียห์ หรือ คิดเป็นประมาณ 94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3,057 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 755 พันล้านรูเปียห์ หรือคิดเป็นประมาณ 53 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,737 ล้านบาท
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อ SCGP ปัจจุบันมองว่ามีอัปไซด์น่าสนใจเข้าซื้อลงทุนระยะยาว มีปัจจัย สนับสนุนจากราคาของบรรจุภัณฑ์กระดาษเป็นแนวโน้มขาขึ้น และที่สำคัญคือ SCGP มีโอกาสสามารถปรับราคาของบรรจุภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
จากข้อมูลของ Jefferies รายงานดัชนีราคากล่องในยุโรปเดือน เม.ย. พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8-9% เทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ (MoM) เป็นการสะท้อนว่าแนวโน้มอัตรากำไรของ SCGP ในไตรมาส 2/64 มีโอกาสจะเพิ่มขึ้น จากสต๊อกของกล่องที่ลดลงท่ามกลางอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้อีกราว 8% จากการปรับราคาที่ล่าช้า
พร้อมกับมุมมองที่ดีในระยะยาวจากการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของบริษัทผ่านการเป็นหุ้นส่วนและซื้อกิจการจะสร้างมูลค่า เพิ่มให้แก่ SCGP สังเกตได้จากการซื้อกิจการบรรจุภัณฑ์พลาสติก Duy Tan และยังมีการหากิจการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความผันผวนของโครงการ "Fajar" โดยฝ่ายวิจัยฯยังไม่ได้นับรวมประมาณการจากโครงการอื่นๆ ในอนาคต
สำหรับ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ของ SCGP ยังเติบโตต่อเนื่องถึงครึ่งปีหลังของปี 64 ตามอุปสงค์บรรจุภัณฑ์และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูง การขยายกำลังการผลิตคอขวดของ Visy Packaging (Thailand) เพิ่มอีก 15% ซึ่งเริ่มผลิต มี.ค.64 ขยายกำลังการผลิตคอขวด PT Fajar Surya อีก 0.5 ล้านตันต่อปีเริ่มผลิต เม.ย.64 และการเข้าซื้อ Duy Tan Plastics Manufacturing ซึ่งคาดว่าดีลจะแล้วเสร็จกลางปี 64
พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 64-65 ขึ้นอีก 29% และ 28% ตามลำดับ สะท้อน EBITDA margin ที่ดีกว่าคาด โดยปรับขึ้นเป็น 19% จากเดิมคาดอยู่ที่ 16% เป็นตัวแปรสนับสนุนให้คกำไรสุทธิปี 64 จะเติบโตถึง 55% YoY และปี 65 เติบโต 16% YoY ตามลำดับ