บมจ.เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ ONEE เดินหน้ายื่นไฟลิ่งเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น หวังนำเงินไปใช้สำหรับปรับโครงสร้างเงินทุนโดยการชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE ได้ยื่นความจำนงต่อตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ในการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวนไม่เกิน 496,252,500 หุ้น โดยกำหนดราคาพาร์ที่ 2 บาทต่อหุ้น ประกอบด้วย 1.หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ ไม่เกิน 476,250,000 หุ้น และ 2.หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท ซีเนริโอ จำกัด ไม่เกิน 20,002,500 หุ้น รวมทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 20.8% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรกนี้
โดยการระดมทุนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้สำหรับปรับโครงสร้างเงินทุนโดยการชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
โดยลักษณะธุรกิจของบริษัทฯ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ซึ่งประกอบธุรกิจด้านสื่อและความบันเทิงที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ คือ การเป็นผู้สร้างสรรค์และผลิตรายการ จนถึงปลายน้ำ คือ การเป็นเจ้าของช่องทางเผยแพร่ที่ครอบคลุมทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์
โดยธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ ได้แก่ ธุรกิจผลิตรายการ บริหารลิขสิทธิ์ และให้บริการช่องโทรทัศน์ ผลิตรายการประเภทต่างๆ ได้แก่ ละคร ซิทคอม วาไรตี และข่าว และบริหารลิขสิทธิ์ โดยการนำรายการไปเผยแพร่ใน 3 ช่องทางหลัก ประกอบด้วย 1.เผยแพร่รายการผ่านช่องทางโทรทัศน์ช่อง ONE31 ซึ่งเป็นช่องโทรทัศน์ที่กลุ่มบริษัทฯ และช่อง GMM25 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนการตลาด 2.บริหารลิขสิทธิ์รายการ โดยการนำรายการไปเผยแพร่ทางช่องทางออนไลน์ในประเทศ และ 3.เผยแพร่ผ่านผู้ให้บริการช่องทางโทรทัศน์และออนไลน์ในต่างประเทศ โดยกลุ่มบริษัทฯ เผยแพร่รายการของกลุ่มบริษัทฯ ทางช่องทางออนไลน์ผ่านทางพันธมิตรของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการช่องทางออนไลน์ในประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 7 ช่องทาง ประกอบด้วย LINE TV, Netflix, WeTV, Viu, TRUE ID, AIS Play และ iQIYI รวมถึงช่องทางออนไลน์ที่กลุ่มบริษัทฯ บริหารจัดการเพจของตนเอง เช่น YouTube และ Facebook
ขณะที่ธุรกิจผลิตรายการวิทยุเพื่อเผยแพร่ผ่านคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียง และผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งหมดจำนวน 3 รายการ ได้แก่ 1.รายการวิทยุ EFM บนคลื่นความถี่ เอฟ.เอ็ม. 94.0 เมกะเฮิรตซ์ และเผยแพร่บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน 2.รายการวิทยุ GREENWAVE บนคลื่นความถี่ เอฟ. เอ็ม. 106.5 เมกะเฮิรตซ์ และเผยแพร่บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน 3.รายการ Chill Online บนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน และธุรกิจรับจ้างผลิตและบริการ
นอกจากการผลิตรายการที่เผยแพร่ผ่านช่อง ONE31 และช่อง GMM25 กลุ่มบริษัทฯ ยังได้ดำเนินการรับจ้างบุคคลภายนอกเพื่อผลิตรายการตามที่ผู้ว่าจ้างต้องการ โดยกลุ่มผู้ว่าจ้างมีทั้งผู้ประกอบการช่องทางโทรทัศน์อื่น และผู้ให้บริการช่องทางออนไลน์ โดยกลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้ผลิต Netflix Originals เรื่องแรกของประเทศไทย ในปี 2562 ได้แก่
ด้านธุรกิจการจัดอีเวนต์งานแสดง ประกอบธุรกิจจัดอีเวนต์ เช่น งานพบปะกับศิลปิน (Fan Meeting) งานคอนเสิร์ต และงานสัมมนากิจกรรมตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น ได้แก่ ธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน ธุรกิจขายสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับรายการหรือศิลปินของกลุ่มบริษัทฯ และธุรกิจให้บริการเช่าสถานที่สำหรับการถ่ายทำงานและจัดอีเวนต์ เป็นต้น
สำหรับผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯ ในงบบัญชีงวดปีต่างๆ ที่ผ่านมา โดยปี 2561 มีรายได้ 4,199 ล้านบาท กำไร 73 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้ 4,818 ล้านบาท กำไร 228 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้ 4,875 ล้านบาท กำไร 658 ล้านบาท โดยในปีล่าสุด กลุ่มบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้แบ่งเป็นรายได้จากการผลิตรายการบริหารลิขสิทธิ์ และให้บริการช่องโทรทัศน์ 71.7% รายได้จากการผลิตรายการวิทยุ 5.5% รายได้จากการรับจ้างผลิตและบริการ 11.0% รายได้จากการจัดอีเวนต์ 1.2% รายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น 8.2% รายได้อื่น 2.4%
ทั้งนี้ โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE ประกอบด้วย 1.บริษัท ประนันท์ภรณ์ จำกัด โดยก่อนการ IPO ถือหุ้นในจำนวน 952,500,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 50.00% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และหลังการ IPO ถือหุ้นในจำนวน 952,500,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 40.00% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
2.บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY ก่อนการ IPO ถือหุ้นในจำนวน 595,774,850 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 31.27% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และหลังการ IPO ถือหุ้นในจำนวน 595,774,850 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.02% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
3.กลุ่มนายถกลเกียรติ วีรวรรณ ก่อนการ IPO ถือหุ้นในจำนวน 341,225,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 17.91% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และหลังการ IPO ถือหุ้นในจำนวน 321,222,500 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 13.49% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
4.กลุ่มครอบครัวซอโสตถิกุล ก่อนการ IPO ถือหุ้นในจำนวน 7,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.37% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด หลังการ IPO ถือหุ้นในจำนวน 7,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.29% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
และ
5.นายสุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว หรือบี้ เดอะสตาร์ ก่อนการ IPO ถือหุ้นในจำนวน 2,500,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.13% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และหลังการ IPO ถือหุ้นในจำนวน 2,500,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด