xs
xsm
sm
md
lg

TIDLOR ปิดภาคเช้า +36.99%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เงินติดล้อ ปิดการซื้อขายภาคเช้าหลังเข้าระดมทุนซื้อขายหุ้น IPO เป็นวันแรก โดยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ 50.00 บาท/หุ้น หรือ +36.99% จากราคา IPO ที่ 36.50 บาท/หุ้น ขณะที่ดัชนี SET INDEX ปิดทำการซื้อขายภาคเช้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.18 จุด (+0.26%) โดยมาอยู่ที่ระดับ 1,589.21 จุด มูลค่าการซื้อขาย 65,037.35 ล้านบาท

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) เปิดเผยว่า ภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) บริษัทตั้งเป้ารายได้ในระยะ 3 ปี (64-66) ต่อจากนี้จะสามารถเติบโตได้ 15-20% ต่อปี และจะมีสาขาเพิ่มขึ้นปีละ 120-150 สาขา ด้วยงบลงทุน 400,000-700,000 บาทต่อสาขา ซึ่งจะทำให้มีสาขารวมเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 1,500 สาขาภายในปี 66 จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ทั้งหมดราว 1,100 สาขา ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีเครือข่ายที่เป็นพันธมิตรผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศอีกมากกว่า 5,000 รายด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัทจะยังคงเน้นการเติบโตในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนอยู่ที่เพียง 4-5% ของตลาดเท่านั้น จึงมีโอกาสในการจะเติบโตอีกมาก โดยบริษัทมีโครงสร้างของธุรกิจที่มีเครือข่ายปล่อยสินเชื่อรายย่อยตามพื้นที่ต่างๆ จะเป็นอีกกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของบริษัทได้ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงในปัจจุบันส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันยากขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าหันมาใช้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมงบลงทุนไว้อีกราว 270 ล้านบาท เพื่อที่จะพัฒนาระบบ IT เพื่อที่จะสร้างแพลตฟอร์มนายหน้าประกันภัยให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และสร้างการรับรู้ให้กลุ่มเป้าหมายทราบ TIDLOR มีธุรกิจกิจนายหน้าประกันภัยอยู่ด้วย ซึ่งในของธุรกิจนายหน้าประกันภัยยังคงมองว่ามีโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย

“เราพอใจกับการเข้าเทรดในวันนี้ สะท้อนกับศักยภาพและความน่าเชื่อถือของบริษัท ซึ่งหลังจากได้เงินจากการระดมทุนจะทำให้สัดส่วนเงินกู้ต่อเงินทุนปรับตัวลดลง จะทำให้บริษัทแข็งแรงมากขึ้น ขณะที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่นี้อาจจะมีผลกระทบต่อ NPL บ้างเพราะส่วนใหญ่เป็นกลุ่มการเงินเปราะบางอยู่แล้ว แต่ถือว่ามีผลกระทบน้อยกว่าปี 63 ที่ผ่านมา และเชื่อว่าจะดูแลให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2% ได้ ซึ่งบริษัทได้ตั้งสำรองเกินไว้หลายร้อยเปอร์เซ็นต์” นายปิยะศักดิ์ กล่าว

ด้านนายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวทั้งแดนบวก-ลบ คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย หลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาเติบโตน้อยกว่าคาด ทำให้คลายความกังวลในเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง สวนทางสกุลเงินในเอเชียที่แข็งค่าขึ้น ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในเอเชีย

อย่างไรก็ดี ตลาดยังไม่มีปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ จึงเผชิญแรงขายทำกำไรระหว่างทาง แต่เช้านี้นักลงทุนให้ความสนใจซื้อขายหุ้น TIDLOR เป็นหลัก พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป ส่วนนอกประเทศให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ที่จะทยอยออกมาในสัปดาห์นี้

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายศราวุธ กล่าวว่า ตลาดยังมีโอกาสขยับขึ้นไปต่อได้ พร้อมให้แนวรับ 1,577 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

TIDLOR มูลค่าการซื้อขาย 21,782.11 ล้านบาท ปิดที่ 50.00 บาท เพิ่มขึ้น 13.50 บาท

DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,432.31 ล้านบาท ปิดที่ 442.00 บาท เพิ่มขึ้น 40.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,441.59 ล้านบาท ปิดที่ 126.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

OR มูลค่าการซื้อขาย 1,220.77 ล้านบาท ปิดที่ 29.50 บาท ลดลง 0.25 บาท

SAWAD มูลค่าการซื้อขาย 971.23 ล้านบาท ปิดที่ 81.75 บาท ลดลง 0.75 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น