สมาร์ทคอนกรีต โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรกรายได้รวมโต 5% และกำไรสุทธิ 14.53 ล้านบาท เผยไตรมาส 2/64 ธุรกิจฟอร์มดีต่อเนื่อง วัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาเติบโตดี งานโครงการเมกะโปรเจกต์ นโยบายโครงการ EEC โครงการอสังหาฯ ทยอยลงทุน ชูกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้า เพิ่มช่องทางจำหน่ายทุกรูปแบบทั้งในและต่างประเทศ
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 123.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 117.92 ล้านบาท จำนวน 5.99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.08% และมีกำไรสุทธิ 14.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.52 ล้านบาท จำนวน 2.01 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.08%
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากปริมาณการใช้งานวัสดุอิฐมวลเบาของโครงการเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ โครงการก่อสร้างภาคเอกชน ประกอบกับบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียระหว่างการผลิต อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา ทำการตลาดเชิงรุก แนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จัก ผลักดันสินค้าผ่านช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลาย และมีการขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการใช้กลยุทธ์ Online to Offline เพื่อกระตุ้นการสร้างยอดขายให้เติบโต ขณะที่ช่องทางการจำหน่ายผ่านร้านค้าโมเดิร์นเทรดเพิ่มขึ้น 107% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/64 บริษัทมุ่งเน้นรักษาการเติบโตต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 และการเข้าสู่ช่วงฤดูฝนที่มาเร็วกว่าปกติส่งผลให้หน้างานชะลอ ขณะที่งานภาครัฐยังคงดำเนินงานได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านกลุ่มโมเดิร์นเทรดและออนไลน์ทดแทน เพื่อกระจายสินค้าเข้าสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากงานในส่วนภาคเอกชนโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ แนวสูง นิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้าในเขตพื้นที่ EEC ส่วนงานภาครัฐบริษัทยังคงได้รับงานโครงการเมกะโปรเจกต์และงานขนาดกลางที่มีการลงทุน
ขณะที่ตลาดต่างประเทศในกลุ่ม AEC ปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากดีลเลอร์ในประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาวต่อเนื่อง โดยนำสินค้าเข้าไปใช้กับงานโครงการต่างๆ และนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในร้านขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างขนาดใหญ่ แต่ได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตอย่างน้อย 5% โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากงานภาครัฐ 40% ภาคเอกชน 59% และต่างประเทศ 1% ขณะที่สัดส่วนรายได้แบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา 94% อิฐมวลเบาตกแต่ง 5% และอื่นๆ 1%