“ทีเอ็มบีธนชาต” เปิดแผนธุรกิจปีนี้เร่งเครื่อง 3 เรื่องสำคัญ รุกขยายฐานลูกค้าที่เลือกใช้ธนาคารเป็นธนาคารหลัก เพิ่มศักยภาพช่องทางดิจิทัล สร้างสรรค์แพลตฟอร์มดิจิทัลที่เป็นมิตรและรู้ใจ พร้อมยกระดับทักษะพนักงานเพื่อสนับสนุนทิศทางการดำเนินงานของธนาคาร พร้อมช่วยลูกค้าฝ่าวิกฤต COVID-19 และเติบโตได้อย่างยั่งยืน
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) (ttb) เปิดเผยว่า การรวมทีมของ 2 องค์กรได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว 100% ผนึกเป็น One Team ที่พร้อมจะสานต่อ One Dream ที่มีร่วมกัน คือ การสร้างชีวิตทางการเงิน (Financial Well-being) ที่ดีขึ้นให้แก่คนไทยทั้งประเทศ ผ่านโซลูชันทางการเงินที่จะช่วยให้ลูกค้ามีสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรง พร้อมฝ่าอุปสรรค และสามารถเดินหน้าต่อไปได้แม้ในช่วงวิกฤต COVID-19 ซึ่งตลอดปี 2563 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2564 โดยในปีที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งรายย่อยและธุรกิจไปกว่า 750,000 ราย และในช่วงเวลานี้ก็ได้เตรียมมาตรการอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้
สำหรับในปีนี้ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) ได้ลำดับความสำคัญทางธุรกิจที่จะเร่งดำเนินการไว้ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.ขยายฐานลูกค้าที่เลือกใช้ธนาคารเป็นธนาคารหลัก (main bank) ผ่าน Financial Well-being solution โดยมีเป้าหมายหลักคือ ลูกค้ารวมกว่า 10 ล้านราย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง ด้วยโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกช่วงชีวิต ผ่าน 4 เสาหลัก (Financial Well-being pillars) ได้แก่ ฉลาดออม ฉลาดใช้ (Mindful spending & start saving) รอบรู้เรื่องกู้ยืม (Healthy borrowing) ลงทุนเพื่ออนาคต (Investing for future) และมีความคุ้มครองที่อุ่นใจ (Sufficient protection) 2.สร้างศักยภาพทางด้าน “Digital-first operating model” บนโมบายแบงกิ้งแพลตฟอร์มที่เป็นมิตรและรู้ใจตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละคน แต่ละช่วงชีวิต
และ 3.สร้างศักยภาพบุคลากร (People development) เพื่อสนับสนุนการสร้าง Humanized digital เนื่องจากธนาคารไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะเทคโนโลยี แต่ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์และให้ความช่วยเหลือเป็นที่ปรึกษาทางการเงินผ่านพนักงานของธนาคาร โดยใช้ดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่มาช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า เพื่อให้สอดรับกับยุคดิจิทัล ซึ่งพนักงานจะได้รับการพัฒนายกระดับทักษะเดิมให้ดีขึ้น (Up-skill) และสร้างทักษะใหม่ที่จำเป็นในการทำงาน (Re-skill) ที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนทิศทางของธนาคารที่จะสร้าง Humanized digital หรือรูปแบบการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลที่เป็นมิตรและรู้ใจ
"ในปีนี้เราจะเน้นด้านช่วยเหลือลูกค้าเป็นหลัก เพราะจากสถานการณ์โควิด-19 มีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบมาก ซึ่งนอกจากการเสริมสภาพคล่องแล้ว การนำโซลูชันต่างๆ เข้ามาช่วยก็เป็นเรื่องจำเป็นที่ช่วยเรื่องความสะดวกลดขั้นตอนและต้นทุนให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนต่อไปหลังจากหมดโควิด-19 ไปแล้ว ซึ่งการควบรวมในครั้งนี้จะหลอมรวมจุดแข็งของทั้ง 2 แห่งเข้าด้วยกัน จึงสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกช่วงอายุ รวมถึงการเชื่อมโยงโลก Digital และการบริการจากพนักงานของธนาคารเข้าด้วยกันเพื่อให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น"
นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) กล่าวว่า “เรามีเป้าหมายที่จะทำให้ลูกค้าบุคคลมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น โดยยึดความต้องการและเป้าหมายของลูกค้าเป็นที่ตั้ง โดยได้ออกแบบโซลูชันทางการเงินที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงชีวิต 4 กลุ่ม ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มลูกค้าที่เพิ่งเริ่มทำงาน ธนาคารจะเน้นโซลูชันด้านฉลาดออม ฉลาดใช้ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง พร้อมรับสิทธิประโยชน์รอบด้าน รวมถึงประกันอุบัติเหตุฟรี ที่ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงหากเกิดอุบัติเหตุ
2.กลุ่มลูกค้าที่เริ่มสร้างครอบครัว ธนาคารจะเสนอโซลูชันเกี่ยวกับสินเชื่อสำหรับลูกค้าที่ต้องการมีบ้าน มีรถ ที่ใหญ่ขึ้นสำหรับครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น พร้อมทั้งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้คนกลุ่มนี้มีระเบียบวินัยในการผ่อนชำระเพื่อปลอดหนี้ได้เร็วที่สุด และมีโซลูชันการรวบหนี้ด้วยทรัพย์สินที่มีอยู่ เพื่อให้จัดการปลอดหนี้ได้เร็วที่สุด 3.กลุ่มลูกค้าที่ประสบความสำเร็จจากหน้าที่การงาน ต้องการมีชีวิตที่มั่นคงและเกษียณอย่างไร้กังวล ธนาคารเน้นการให้ความรู้ด้านการลงทุน จัดทัพตามความเสี่ยง ต่อยอดความมั่งคั่ง ผ่านผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย และ ttb smart port พอร์ตการลงทุนที่ตอบทุกโจทย์การลงทุนครบวงจรโดยมืออาชีพ
4.กลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่ง เตรียมเข้าสู่วัยเกษียณ ธนาคารพร้อมส่งมอบโซลูชันด้านประกันชีวิตและการลงทุนที่มอบความอุ่นใจ ในการรักษาความมั่งคั่ง พร้อมดูแลสุขภาพ และวางแผนส่งต่อมรดกให้แก่ทายาทได้อย่างสบายใจ
ด้าน นายป้อมเพชร รสานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านสินเชื่อรถยนต์ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ธนาคารได้ช่วยเหลือลูกค้าและคู่ค้าด้วยโครงการ “ตั้งหลัก” ซึ่งช่วยลูกค้าผ่อนหนักเป็นเบาได้กว่า 600,000 รายทั่วประเทศ และมอบประกันคุ้มครองไวรัส COVID-19 ให้แก่บริษัทคู่ค้าทั้งรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้วกว่า 3,000 รายทั่วประเทศ
สำหรับปีนี้ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ของธนาคารภายใต้แบรนด์ ttbDRIVE พร้อมขับเคลื่อนสนับสนุนครอบคลุมทุกภาคส่วนใน ecosystem ของธุรกิจรถยนต์ ด้วยภารกิจ “มากกว่าสินเชื่อรถ... เพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น” ได้แก่
1.พร้อมขับเคลื่อนให้ลูกค้าไปต่อ โดย ttbDRIVE พร้อมช่วยลูกค้าเคลียร์ทุกอุปสรรคทางการเงิน รวมหนี้ ลดภาระ เพิ่มสภาพคล่องด้วย “รถแลกเงินเคลียร์หนี้” และมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าที่รักษาวินัยทางการเงินเป็นอย่างดีผ่านโครงการ “จ่ายดีมีคืน” อีกทั้งยังช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยโปรแกรม auto-approve ผนวกกับ scoring model พร้อมเจ้าหน้าที่ ttbDRIVE agent ให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
2.พร้อมขับเคลื่อนให้ธุรกิจคู่ค้าไม่สะดุด โดยได้เปิดตัว “DRIVE Connect Platform” มิติใหม่ของการทำตลาดออนไลน์ผ่านทาง Facebook ให้กลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว (ดีลเลอร์รถมือสอง) และยังมีระบบ “Cross-area Booking” สามารถรองรับการซื้อขายรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้วผ่านช่องทางออนไลน์ ลดข้อจำกัดด้านพื้นที่ให้แก่คู่ค้า และ 3.พร้อมยกระดับศักยภาพทีมงาน ttbDRIVE เพื่อการทำงานในยุคดิจิทัล ผ่าน DRIVE Academy โรงเรียนสินเชื่อรถยนต์ ttb เพื่อจะฝึกทีมงาน DRIVE ภายใต้หลักสูตรที่เข้มข้น เพื่อสร้างบริการที่ดีให้ลูกค้าและคู่ค้าทุกราย
นายเสนธิป ศรีไพพรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) กล่าวว่า เป้าหมายของธนาคาร คือ การเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่จนถึงเอสเอ็มอีไว้วางใจให้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนธุรกิจของลูกค้าให้ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่าน 3 โซลูชัน เพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นของลูกค้าธุรกิจ ได้แก่ 1.มอบแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมและเพียงพอ โดยเน้นการสนับสนุนเอสเอ็มอีที่อยู่ในซัปพลายเชนของธุรกิจขนาดใหญ่ให้ได้รับวงเงินที่เพียงพอบนเงื่อนไขที่เหมาะสม และช่วยเสริมสภาพคล่องในภาวะวิกฤตด้วยโครงการช่วยเหลือลูกค้าเอสเอ็มอี (Special Loan) และมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ (Asset warehousing) ที่สอดคล้องนโยบายของธปท.
2.มอบโซลูชันและบริการที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารธุรกิจ ด้วย “ธนาคารดิจิทัลเพื่อโลกธุรกิจ ทีทีบี บิสซิเนสวัน (ttb business one)” ที่เป็นมากกว่าเครื่องมือการทำธุรกรรมออนไลน์ บิสซิเนสวัน ช่วยให้ทำธุรกรรมได้ครบตั้งแต่เรื่องสินเชื่อ จนถึงธุรกรรมต่างประเทศ
และ 3.มอบชีวิตทางการเงินที่ดีให้แก่พนักงานและคู่ค้า ด้วย “บริการการจ่ายเงินเดือนและสวัสดิการพนักงาน ทีทีบี เพย์โรลพลัส (ttb payroll plus)” รวมไปถึงบริการและผลิตภัณฑ์ด้านการบริหารความเสี่ยงและด้านประกัน อย่างเช่น “ประกันสินเชื่อธุรกิจ ทีทีบี วันไลฟ์ (ttb one life business insurance)” เป็นต้น
นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) กล่าวว่า ตลอดเวลากว่า 16 เดือนที่ผ่านมา ทีมงานทั้ง 2 องค์กรได้ทำงานร่วมกันอย่างหนัก เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามแผนการรวมกิจการที่วางไว้ ภายใต้แนวทาง One Dream, One Team, One Goal… จากนี้ไปเหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือนครึ่งกับก้าวสำคัญสุดท้ายของการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์ในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยด้านบุคลากรได้รวมพนักงานทั้ง 2 องค์กรเป็นพนักงานของทีเอ็มบีธนชาต (ttb) แล้ว 100% เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2564
ส่วนระบบงาน IT และระบบงานผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้มีการเตรียมความพร้อมในการเชื่อมต่อระบบของทั้ง 2 ธนาคารไว้แล้ว สำหรับกระบวนการสุดท้ายของการรวมกิจการ คือ การเชื่อมต่อระบบของทั้งทีเอ็มบีและธนชาตให้เป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์ (Entire Business Transfer) ซึ่งการเชื่อมต่อระบบในครั้งนี้ ทีมงานได้มีการวางแผนงานอย่างรัดกุมและมีการซักซ้อมแบบเสมือนจริง (Mock run) เพื่อให้การเชื่อมต่อระบบในวันจริงสำเร็จตามแผน