น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สศค.ได้ประเมินในเบื้องต้นว่ามาตรการเยียวยาผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ วงเงินรวมกว่า 2.4 แสนล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบในหลักการของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น หากสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย จะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปี 2564 มากกว่า 4 แสนล้านบาท และจะมีส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 1%
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะมีการปรับประมาณการ GDP ปีนี้อีกครั้งในเดือน ก.ค.64 จากปัจจุบันคาดการณ์อยู่ที่ 2.3% ซึ่งหากรวมกับปัจจัยเสริมในเรื่องมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการระบาดจากโควิด-19 ระลอกใหม่ ก็มีโอกาสที่ GDP ปีนี้จะขยับเพิ่มขึ้นใกล้ระดับ 2.8% ได้
“มาตรการเยียวยาที่ออกมาครั้งนี้มีส่วนช่วย GDP ได้มากกว่า 1% เมื่อเทียบกับไม่มีการดำเนินโครงการเหล่านี้เลย แต่คงจะเอาไปบวกกับคาดการณ์ปัจจุบันที่ 2.3% เลยไม่ได้ เพราะคาดการณ์ดังกล่าวมีการพิจารณาบางโครงการรวมไปแล้ว แต่ยอมรับว่ามีโอกาสสูงที่จีดีพีจะขยับใกล้ระดับ 2.8% ซึ่งเป็นกรอบที่กระทรวงการคลังได้วางไว้ แต่ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายใต้สมมติฐานปัจจุบันด้วย เช่น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน ค่าเงินบาท และปัจจัยอื่นๆ” โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าว