"อุบล ไบโอ เอทานอล" ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 1,370 ล้านหุ้น เล็งเข้าจดทะเบียนใน SET โดยมีบริษัท เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อใช้ขยายลงทุนและคืนหนี้
บมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล (UBE) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,370 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1.00 บาท/หุ้น คิดเป็น 35% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) โดยมีบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
หุ้น IPO ที่จะเสนอขาย ประกอบด้วย (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทจำนวนไม่เกิน 1,174,286,000 หุ้น (2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น และ (3) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บมจ.บีบีจีไอ (BBGI) จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น
UBE เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศ โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ เอทานอล และแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งบริษัทจำหน่ายทั้งแป้งมันสำปะหลัง (Cassava Starch) และแป้งฟลาวมันสำปะหลัง (Cassava Flour) แบบทั่วไปและแบบออร์แกนิก บริษัทถือเป็นผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจร (Well-integrated Tapioca Player) รายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จากการใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในการผลิตทั้งเอทานอลและแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งมีการนำวัตถุดิบมันสำปะหลังเข้าสู่กระบวนการผลิตมากถึง 1,200,000 ตันต่อปี
บริษัทนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต เช่น น้ำใช้จากกระบวนการผลิตและกากมันสำปะหลังมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำมาเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนในโรงงานผลิตเอทานอลและแป้งมันสำปะหลัง นอกจากนี้ ก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้ส่วนหนึ่งจะนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้หมุนเวียนในโรงงานเพื่อลดต้นทุนการผลิต และจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัทอีกทางหนึ่ง
นอกจากการผลิตและจำหน่ายเอทานอล แป้งมันสำปะหลัง และการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่อง บริษัทได้ขยายสู่การพัฒนาสินค้าทางการเกษตรชนิดอื่นที่มีมูลค่าสูง (High Value Product หรือ HVP) หรือมีศักยภาพในการจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในปี 2563 บริษัทได้ริเริ่มธุรกิจเกษตรอินทรีย์ โดยมีแผนที่จะปลูกกาแฟอินทรีย์ (Organic Coffee) และข้าวอินทรีย์ (Organic Rice) เพื่อจำหน่าย
อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรประเภทอื่นๆ เช่น อาหารผสมเสร็จที่ผลิตจากหญ้าเนเปียร์ สำหรับการเลี้ยงโคเนื้อ เป็นต้น
วัตถุประสงค์การระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วย เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทสำหรับการจัดซื้อวัตถุดิบผลิตเอทานอล เงินทุนหมุนเวียนของ บจก.อุบลซันฟลาวเวอร์ (บริษัทย่อย) สำหรับการจัดซื้อวัตถุดิบผลิตแป้งมันสำปะหลัง เงินทุนหมุนเวียนของ บจก.อุบลไบโอเกษตร (บริษัทย่อย) สำหรับการส่งเสริมการปลูกพืชเกษตรอินทรีย์
ใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการต่างๆ ดังนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแป้งมันสำปะหลัง โดยการลงทุนในเครื่องจักรใหม่ต่างๆ เช่น เครื่องโม่หัวมันสำปะหลัง และเครื่องสลัดแป้ง เป็นต้น การเพิ่มกำลังการผลิตแป้งฟลาวจาก 100 ตัน/วัน เป็น 300 ตัน/วัน การลงทุนสร้างสายการผลิตสารให้ความหวาน (Sweetener) เช่น ไซรัป (Syrup) และมอลโทเดกซ์ทริน (Maltodextrin) กำลังการผลิต 300 ตัน/วัน การลงทุนในโรงสีเชอร์รี่กาแฟและโรงคั่วกาแฟ รวมทั้งชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
ณ วันที่ 19 เม.ย.64 บริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 3,914,286,000 บาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,740,000,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญทั้งหมด จำนวน 3,914,286,000 หุ้น หุ้นสามัญชำระแล้ว จำนวน 2,740,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 มีมติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 1,174,286,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท สำหรับเสนอขาย IPO
โครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 19 เม.ย.64 มีผู้ถือหุ้นหลัก คือ กลุ่มครอบครัวโควสุรัตน์ 36.81% ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนลงเหลือ 25.77% บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด (TET) 21.28% จะลดสัดส่วนเหลือ 12.39% และ BBGI ถือหุ้น 21.28% จะลดสัดส่วนเหลือ 12.39%
ผลประกอบการของบริษัทในช่วงปี 61-63 บริษัทมีรายได้รวม 4,827.4 ล้านบาท 4,722.5 ล้านบาท และ 4,486.1 ล้านบาท ตามลำดับ กำไรสุทธิ 67 ล้านบาท ขาดทุน 42.5 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 99.3 ล้านบาท ตามลำดับ อัตรากำไรขั้นต้น 13%, 10.6% และ 15.1% ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิ 1.4%, -0.9% และ 2.2% ตามลำดับ
ณ วันที่ 31 ธ.ค.63 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 6,901.8 ล้านบาท หนี้สินรวม 3,846.5 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 3,055.3 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี