xs
xsm
sm
md
lg

บล.บัวหลวงวางเป้าดัชนีสิ้นปี 1,690 จุด ชี้ Q2 เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บล.บัวหลวง ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี แม้สถานการณ์โควิด-19 ยังน่ากังวล จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น และเชื่อมีการพัฒนากลายพันธุ์ใหม่ คาดประเทศไทยยังไม่สามารถเปิดประเทศได้ในไตรมาส 2 เพราะไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดระลอกใหม่ในหลายคลัสเตอร์ และมีการกระจายเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในนโยบายการเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว รวมถึงการกระตุ้นการท่องเที่ยวและบริโภคในประเทศ มองฟาก IMF ประมาณการการเติบโต GDP ของโลกสำหรับปี 2564 ที่ 5.5% (ต้นเดือน ม.ค. ปรับดีขึ้นจากประมาณการ ต.ค.ที่ 5.2%) และ 4.2% ปี 2565 (เทียบ GDP ปี 2563 ที่หดตัว 3.5%) สะท้อนการฟื้นตัวที่รวดเร็วของเศรษฐกิจในหลายประเทศ

นักวิเคราะห์จากสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) (บล.บัวหลวง) เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกในไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ในสหรัฐฯ ที่ออกมาตรการแจกเงินให้ไปใช้ในการบริโภค และอีกหลายประเทศที่ออกมาตรการกระตุ้นที่แตกต่างกันไป รวมถึงนโยบายทางการเงินที่ธนาคารกลางของหลายประเทศยังคงผ่อนคลายเพื่อช่วยอีกแรง เมื่อนำมารวมกับการประชากรที่ได้รับวัคซีนที่มากขึ้นจะทำให้ประชากรเหล่านั้นกลับมาดำรงชีวิตได้ใกล้เคียงกับก่อนหน้านี้ โดยคาดหวังจะได้เห็นประเทศที่เริ่มมีภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) สามารถเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามาได้โดยอิสระ และคาดว่าจะเริ่มได้เห็นนโยบายนี้กับประเทศอื่นๆ มากยิ่งขึ้น จึงทำให้เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะเห็นเติบโตได้เป็นอย่างดี

ด้านตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ยังปรับตัวขึ้นได้ดี QoQ ในไตรมาส 1 (ดัชนีกลุ่มภูมิภาค +1 ถึง +7% QoQ แต่บางประเทศในเอเชียมีดัชนีลดลง เช่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย) โดยได้แรงหนุนจากข่าวความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และจะยังคงเป็นปัจจัยหลักที่หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนได้ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2564 ที่จะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจชัดเจนขึ้น

ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายที่ยังต่ำต่อเนื่องและการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางหลักๆ ยังเป็นปัจจัยหนุนให้สินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตราสารทุนยังมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อในวงรอบเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว การปรับขึ้นของดอกเบี้ยพันธบัตรที่ค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมาอาจกระทบภาพตลาดหุ้นโดยรวมในระยะสั้น แต่ด้วยแนวโน้มที่ดอกเบี้ยพันธบัตรอาจขึ้นต่อไม่มาก หรือ Fed อาจมีมาตรการเพื่อลดความร้อนแรงของดอกเบี้ยพันธบัตร ทำให้ตลาดไม่ได้ปรับตัวลงมาก และพร้อมกลับมาฟื้นได้ในไตรมาส 2 และต่อเนื่องถึงครึ่งหลังของปี

ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ในต่างประเทศกลับมาให้ผลตอบแทนเป็นลบ หลังนักลงทุนเริ่มกังวลกับตัวเลขเงินเฟ้อที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 และช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นมาจากทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและฐานเงินเฟ้อต่ำในปีก่อนในช่วงที่ผลกระทบจากแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 70bp QoQ สำหรับ US10Y และ 46bp สำหรับ US5Y ในขณะที่พันธบัตรระยะสั้นปรับขึ้นน้อยเนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายและนโยบายทางการเงินโดยรวมยังคงเป็นลักษณะผ่อนคลายอยู่ (Fed ยืนยันที่จะคงดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำ 0-0.25% อีก 2-3 ปี ยังทำ open-ended QE ยังไม่รีบส่งสัญญาณทำ QE tapering)

สำหรับเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการกระจายวัคซีน จึงคาดว่ายังไม่สามารถเปิดประเทศได้ในไตรมาส 2 ประกอบกับตลาดกังวลการกลับมาระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในหลายคลัสเตอร์ ซึ่งมีการกระจายเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นในนโยบายการเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว รวมถึงการกระตุ้นการท่องเที่ยวและบริโภคในประเทศ ผ่านนโยบายกระตุ้นของรัฐพยุงเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ไปก่อน และเร่งให้มีการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่โดยอาจเริ่มจากจังหวัดหลักในการท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางกลับมาและเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศทำให้สิ่งที่ยังคาดหวังได้มีเพียงการส่งสินค้าออกเท่านั้น ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการของตลาดโลกที่ฟื้นตัวกลับขึ้นมา

ด้านภาวการณ์ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบตลาดหุ้นในหลายประเทศ หลังจากค่อนข้างตามหลังตลาดอื่นๆ ในปีที่ผ่านมา โดยได้ปรับปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าการเริ่มใช้วัคซีนสำหรับโควิด-19 ทั่วโลก ทำให้นักลงทุนให้น้ำหนักเชิงบวกต่อตลาดหุ้นมากกว่าปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ โดยเฉพาะในหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นไม่มากในช่วงที่ผ่านมา

"ความคาดหวังเชิงบวกต่อการใช้วัคซีนอย่างแพร่หลายมากขึ้น อัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการลงทุนในไตรมาสที่ 2 การปรับเพิ่มประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่องก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนให้หุ้นที่ขึ้นไปก่อนหน้ายังสามารถยืนระยะได้จากพื้นฐานผลประกอบการที่จะทยอยฟื้นตัวตามมา การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มของประเทศต่างๆ รวมถึงไทยยังเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ต่อ โดยมองว่าการปรับตัวขึ้นของดอกเบี้ยพันธบัตรอาจเป็นปัจจัยที่กระทบตลาดทุนได้หากดอกเบี้ยพันธบัตรปรับตัวขึ้นมากเกินไป และนโยบายการเพิ่มภาษีของสหรัฐฯ อาจทำให้ตลาดหุ้นสะดุดได้ในระยะสั้น" นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง กล่าว

อย่างไรก็ดี กลยุทธ์ที่สำคัญในไตรมาสนี้ คือการเลือกสรรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หุ้นที่มีความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่นกว่าคนอื่น บริษัทที่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และหุ้นที่ราคายังตามหลังกลุ่มอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมา อันจะทำให้ราคาสามารถปรับตัวได้เร็วกว่าเมื่อเทียบกับดัชนีโดยรวม

"เรามั่นใจว่าเศรษฐกิจโลกจะสามารถฟื้นตัวเร็วหรือที่เรียกว่า V shape recovery จากความช่วยเหลือทั้งของรัฐบาลและธนาคารกลางที่อัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปเป็นจำนวนมากเริ่มส่งผล ทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยเราให้เป้าหมายดัชนีที่ 1,690 ในช่วงที่เหลือของปี 2564" นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวงกล่าวทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น