ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ในแดนบวก โดยภาวะการซื้อขายได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,475.44 จุด ลดลง 7.11 จุด หรือ -0.20%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,865.53 จุด เพิ่มขึ้น 156.55 จุด หรือ +0.53% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 29,152.44 จุด เพิ่มขึ้น 144.37 จุด หรือ +0.50%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยนั้น ได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่ชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.64% เมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 744,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 694,000 ราย โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานยังคงสูงกว่าระดับในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งไม่เคยสูงเกินระดับ 700,000 ราย
ขณะเดียวกัน การพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ ยังทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป จนกว่าตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ จะขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ โดยการคาดการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังซึมซับถ้อยแถลงที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวในการประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อวานนี้ว่า ราคาผู้บริโภคจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ ซึ่งมีสาเหตุจากการใช้จ่ายที่พุ่งขึ้นของสหรัฐฯ ขณะเปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่ แต่นายพาวเวล คาดว่าราคาผู้บริโภคที่ดีดตัวขึ้นนั้นจะไม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่าการแสดงความเห็นของนายพาวเวล เป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ส่วนนักลงทุนในภูมิภาคจะจับตาการเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของจีนในวันนี้