"ปราโมทย์ ธีรกุล" แจงแผนธุรกิจท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ระบุต้องคิดแบบ Back to the basics เน้นงาน เลี้ยงคนให้อยู่ อัปประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น 20-30% ประหยัด หวังดึงมาร์จิ้นกลับ หลังเจอผู้รับเหมารายย่อยหั่นราคาแย่งลูกค้าไป เผยตัวเลขทั้งเครือปีนี้ได้แน่กว่า 400 ล้านบาท แต่ไม่เท่ายุครุ่งเรืองกวาดยอดขาย 600 ล้านบาท ปรับกลยุทธ์ แตกบริษัทใหม่ "FOURPATTANA Pro Frame" รุกพัฒนา "บ้านโครงสร้างเหล็ก" รองรับฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ที่อยู่อาศัย รีสอร์ต ต่อเติมอาคารโรงเรียน เผยมีออเดอร์หลายหลัง พร้อมร่วมทุนกับแลนด์ลอร์ดที่ดินเอาโมเดลบ้านโครงสร้างเหล็กไปต่อยอดโปรเจกต์ได้
นายปราโมทย์ ธีรกุล ประธานกรรมการบริหาร โฟร์พัฒนากรุ๊ป เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงทิศทางธุรกิจจากนี้ว่า ในภาวะปัจจุบันช่างหายากมาก และบริษัทโฟร์พัฒนา เป็นบริษัทรับสร้างบ้าน ไม่ใช้ผู้รับเหมาช่วง ทำให้เราต้องกลับไป Back to the basics จับงานให้แน่นๆ พอๆ เพื่อเลี้ยงกำลังคนที่มีอยู่ ทั้งที่อยู่ภาคสนาม อยู่ออฟฟิศ ซึ่งปีที่แล้วและปีนี้หากคนที่ลาออกไปแล้วก็ไม่รับเพิ่ม แต่พนักงานที่อยู่ต้องสามารถรับงานเพิ่มขึ้นได้ 20-30% ถึงจะอยู่ได้
"คุณไม่เห็นวิกฤต คุณจะไม่เห็นสัจธรรม แต่เมื่อเห็นวิกฤต จะเห็นสัจธรรมว่า การกระทำจะเป็นอย่างไร แปลว่า คุณโชคดีมากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่ได้มีการลดเงินเดือนเลย ถึงเวลาแล้วที่ต้องเสียสละให้แก่องค์กร พนักงานต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน จะให้ผม (ปราโมทย์) มาจ่ายฟุ่มเฟือย พนักงาน 3 คนทำงานชิ้นเดียว ไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ผมสื่อให้กับพนักงานได้รับรู้ ดังนั้น การทำงานต้องสูง เพื่อลดต้นทุนลง ผู้รับเหมามาแข่งเรา มาร์จิ้นเราหายไป 5 เปอร์เซ็นต์ เราต้องเอามาร์จิ้นเรากลับมา 5 เปอร์เซ็นต์ให้ได้ เช่น การประหยัด รู้จำนวนรายการสินค้าแต่ละวัน ทุกอย่างต้องไล่ดูแต่ละวัน สิ่งที่เราต้องทำปีนี้ เราทำให้สมาร์ท ดูดี มีกำไร เพื่อแจกจ่ายพนักงาน ดูแลลูกค้าได้ระดับหนึ่ง ไม่ใช่เอามาเยอะ (ออเดอร์) สุดท้ายก็เหนื่อย ซึ่งผมคิดมาเป็นปีกว่า สิ่งที่เราทำ หากทุกอย่างมันดีขึ้น เราก็มาปรับตัวทีหลัง ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร"
โดยตัวเลขยอดขายปี 64 ทั้งเครือโฟร์พัฒนา มั่นใจจะทำได้กว่า 400 ล้านบาท แยกเป็นส่วนของบริษัท FOURPATTANA PREMIUM จำกัด รับสร้างบ้านและออกแบบพิเศษระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป คาดปี 64 มียอด 150 ล้านบาท บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด ตัวเลขที่ 180 ล้านบาท บริษัท โฟร์เอ็กซ์ตร้า บิวท์ จำกัด ที่สร้างบ้านและอพาร์ตเมนต์ และบริษัทออกแบบที่คาดว่าจะทำรายได้เข้ามาเสริม 30-40 ล้านบาท เป็นต้น
และด้วยภาวะปัญหาแรงงานขาดแคลนนั้น ทางโฟร์พัฒนาฯ ได้จับมือกับบริษัท แอล จี เอส โซลูชั่นส์ ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์สำคัญด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง Pro frame ให้แก่โฟร์พัฒนา ได้นำเอาระบบ ProFrame มาใช้ในการก่อสร้างบ้านให้ลูกค้า ช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และลดปริมาณคนงานก่อสร้างได้รวดเร็วกว่าถึง 2 เท่าของเวลาที่สร้างจริง คือถ้าเทียบกับระบบก่อสร้างก่ออิฐฉาบปูน ต้องใช้เวลาโครงสร้างถึงประมาณ 150-180 วัน เมื่อรวมงาน Finishing งานพื้น ขอบประตู หน้าต่าง ตกแต่งแล้วก็ประมาณ 15 เดือนเสร็จ แต่ถ้าเป็นโครงสร้างเหล็กใช้เวลาประมาณ 50-60 วัน รวมงาน Finishing ก็จบได้ภายใน 8 เดือนเข้าอยู่ได้เลย
ทั้งนี้ บ้านโครงสร้างเหล็ก เมื่อสร้างตกแต่งแล้วไม่ต่างจากบ้านที่ก่ออิฐฉาบปูน ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความรวดเร็วในงานก่อสร้าง ลดเวลาก่อสร้างลง แต่ลูกค้าต้องเข้าใจ ในเรื่องของความแข็งแรงที่ได้มาตรฐาน แต่เป็นบ้านเหล็ก ซึ่งในส่วนของผนังจะมี 2 แบบ คือ ผนังภายในบ้าน จะเป็นผนังสำเร็จรูป อินทรี ซุปเปอร์บล๊อก ส่วนผนังภายนอกจะนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนวัตกรรมจะคล้ายของ HEIM
"บ้านโครงสร้างเหล็ก ทำจริงๆ จังๆ ก่อนโควิด-19 ราคาไม่ถูก แพงกว่าบ้านที่ทำมาจากปูน โดยวิธีการทำต้องเอาบ้านโครงสร้างเหล็ก มาดีไซน์ให้ได้ประโยชน์ในเรื่องของความเย็น ก่อสร้างได้เร็ว มีความแข็งแรง แต่ก็มีข้อเสีย คือ ทั้งลูกค้าและสถาปนิกต้องคุยกันให้ชัดเจนก่อนลงมือทำ ไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้เลย เป็นดีไซน์เฉพาะของลูกค้าแต่ละราย แต่เราก็มีแบบให้เลือก 2-3 แบบเท่านั้น ทำให้เราจะเสนอบริการเป็นแพกเกจ ทั้งการออกแบบและดีไซน์ไปพร้อมกัน ลูกค้าต้องชี้ให้ชัด ชอบแบบไหน จะวางทีวีตรงไหน วางโคมไฟจุดไหน ต้องคุยละเอียด ตัวบ้านจะต้องพยายามไม่เปิดเยอะ จะเปิดในส่วนที่มีคนเปิด เพราะมีเรื่องระบบกันความร้อนได้ดี และกันเสียง สิ่งเหล่านี้เป็นจุดเด่นที่จะต้องเอาไปใส่ในดีไซน์ให้บ้านลูกค้า ตอนนี้ มีลูกค้ามาทำ ราคา 9 ล้านบาท และกำลังทำอีกหลัง บ้านชั้นเดียว เหมือนบ้านในสวนเป็นกิมมิค พื้นที่ 60 ตารางเมตร ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 80 วันก็แล้วเสร็จ ราคาประมาณ 1 ล้านบาท มีโอกาสทำตลาด เพียงแต่เราต้องให้ความรู้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องถึงความคงทน อยู่ได้จริง สมบูรณ์จริง ซึ่งนวัตกรรมโครงสร้างบ้านเหล็ก อย่างบ้าน HEIM ก็รุกเยอะ มีเข้าไปในโครงการของบริษัทแสนสิริ คิดว่าอีกระยะหนึ่ง ถ้าเรื่องแรงงานเกิดขึ้นจริงๆ ก็อาจจะเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค แต่ คิดว่าภายใน 10 ปี จะเข้ามาแทนบ้านที่ก่อสร้างด้วยปูนจะยังคงไม่ใช่ แต่หากมีเจ้าของที่ดินสนใจจะมาร่วมทุนพัฒนาโครงการบ้านโครงสร้างเหล็กอย่างนี้ เราสน เราขายบ้าน พันธมิตรก็มีรายได้จากการขายที่ดิน"
ในด้านแผนการตลาดของบริษัท FOURPATTANA Pro Frame นั้นจะมุ่งไปยังกลุ่มลูกค้าที่ต้องการก่อสร้างรวดเร็ว เช่น โครงการที่พักตากอากาศ หากต้องจำนวนมากในเวลาอันสั้น ก็สามารถทำได้ และมีการรับประกันโครงสร้างเหล็กไม่เป็นสนิมภายใน 14 ปีถ้าอยู่ตามชายทะเล หรือสามารถไปต่อเติมบนอาคารของโรงเรียนได้ เนื่องจากมีน้ำหนักเบา ปลอดภัย นวัตกรรมเหล่านี้นอกจากมาช่วยลดปัญหาเรื่องงานแล้ว ยังมาสอดคล้องกับข้อจำกัดของลูกค้าที่ต้องการความเร็ว และสถานที่จำกัด เป็นต้น