SCG เปิดตัว SCG D’COR อย่างเป็นทางการ ลุยตลาดวัสดุตกแต่งทางเลือกใหม่แบบครบวงจร ดึงนวัตกรรมและความหลากหลายของวัสดุ ตอบโจทย์งานดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบ “Unique the space” พร้อมชูไฮไลต์ SCG D’COR Facade Solution และการบริการแบบ Professional Service ตอบรับกระแสความนิยมตลาดตกแต่งเปลือกอาคาร ด้านผู้บริหาร ‘อัญชลี ชวนะลิขิกร’ มั่นใจตลาดก่อสร้างปี 64 ทยอยฟื้นตัวหนุนกลุ่มวัสดุตกแต่งเติบโต
น.ส.อัญชลี ชวนะลิขิกร Managing Director Ceiling and Wall Business บริษัท สยามไฟเบอร์ซีเมนต์กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยปี 2564 คาดการณ์เติบโตจากปีก่อน 3-5% โดยตลาดวัสดุตกแต่งที่อยู่อาศัยภายนอกมีแนวโน้มพื้นตัวจากสถานการณ์ COVID-19 ที่มีทิศทางที่คลี่คลาย และการที่ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตยุคนิว นอร์มอลด้วยการ Work From Home จึงเกิดการปรับเปลี่ยนพื้นที่บ้านหรืออาคารให้เหมาะต่อการใช้ประโยชน์มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ตลาดรีโนเวต พบว่า มีตลาดบ้านเก่ากว่าแสนหลังมีความต้องการปรับปรุงพื้นที่ชำรุดทรุดโทรมให้มีฟังก์ชันการใช้งานและดีไซน์ที่เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง โดยเน้นการใช้วัสดุตกแต่งอาคารเพิ่มขึ้น จากแนวโน้มการเติบโตจึงเห็นโอกาสในอนาคต บริษัทฯ จึงขยายพอร์ตสินค้ากลุ่มวัสดุตกแต่งด้วยธุรกิจ SCG D’COR สู่การเป็น Decorative Solutions Provider สินค้าพร้อมการบริการ ตอบโจทย์ความสวยงาม ฟังก์ชัน เพื่อความพึงพอใจลูกค้าสูงสุด
“การเปิดตัว SCG D’COR ในครั้งนี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านผลิตภัณฑ์และการบริการมากขึ้น เราได้นำปัญหาที่ลูกค้าและสถาปนิกพบเจอ ทั้งจากการออกแบบงานโครงสร้าง งานติดตั้ง หรืองานตกแต่งมาแก้ปัญหาอย่างครบวงจรด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญในทุกมิติของ SCG D’COR และบริษัทพันธมิตร เริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านการออกแบบ ประมาณการวัสดุ คัดเลือกวัสดุที่เหมาะสม โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Material Science and Application ทีมออกแบบที่เข้ามาช่วยดูแล Conceptual Design และเสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยบริการดูแลหลังการขาย รับประกันหลังการติดตั้ง 1 ปี และรับประกันวัสดุนานถึง 10 ปี* ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าบริการจบครบในที่เดียวด้วย SCG D’COR Facade Solution ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของ SCG D’COR เป็นการรุกตลาด Total Service Solutions เพื่อให้ตอบโจทย์ Lifestyle โดยตั้งเป้าต่อยอดนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์งานดีไซน์และอรรถประโยชน์ด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ รวมถึงการเพิ่ม Product Portfolio ที่ตอบเทรนด์ที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง” น.ส.อัญชลี กล่าว (*ภายใต้การใช้งานในสภาวะปกติ)
SCG D’COR นับเป็นโซลูชันใหม่ในการสร้างเอกลักษณ์ให้พื้นที่และตัวอาคารด้วยวัสดุตกแต่งทางเลือกใหม่ สร้างสรรค์งานดีไซน์ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยรูปลักษณ์ของสินค้าที่เปิดโอกาสให้นักออกแบบใส่ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ ปลดปล่อยทุกจินตนาการให้งานออกแบบมีความพิเศษแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร ตอบโจทย์หลากหลายสไตล์สิ่งปลูกสร้าง ตามคอนเซ็ปต์ “Unique the Space”
SCG D’COR มีความโดดเด่นด้านการผลิตวัสดุตกแต่งทางเลือกใหม่ด้วย Fiber Cement โดยกระบวนการผลิต X-TRUSION Technology ลิขสิทธิ์ของ SCG D’COR หนึ่งเดียวในประเทศที่สามารถขึ้นรูปสินค้าแบบ 3D ได้ตามต้องการผ่านนวัตกรรมที่ถูกออกแบบโดยวิศวกรเฉพาะทาง สินค้าจึงมีรูปลักษณ์และมิติที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร แข็งแรง ทนทานต่อสภาวะอากาศและการใช้งานภายนอก ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายรูปแบบ ยังได้รวบรวมวัสดุตกแต่งประเภทอื่น โดยผนึกกำลังกับพันธมิตร เช่น KMEW Japan, LITEWOOD by FAMELINE และอื่นๆ อีกมากมายในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อให้ครบทุกฟังก์ชันการออกแบบ และมีอรรถประโยชน์อื่นๆ ร่วมด้วย ทั้งด้านการปกป้องความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน ด้านความปลอดภัยด้วยวัสดุที่มีคุณสมบัติไม่ลามไฟ และมีน้ำหนักที่เบากว่าวัสดุประเภทอื่นๆ ลดภาระงานโครงสร้าง โดยวัสดุตกแต่งกลุ่ม SCG D’COR ครอบคลุมโซลูชันการใช้งาน 3 กลุ่มหลักได้แก่ ผนังภายนอกและภายใน (Facade & Wall Cladding) ระแนง รั้วบังตา วัสดุปิดขอบ (LATH&TRIM) และกลุ่มพื้นตกแต่ง (Floor)
สอดรับกับปัจจุบัน ที่รูปแบบของการตกแต่งเปลือกอาคาร (Façade) กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งอาคารสร้างใหม่ และอาคารเก่า เกิดเป็นบริการ SCG D’COR Façade Solution เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งของนักออกแบบในการตกแต่งเปลือกอาคารในสไตล์ที่แตกต่าง
ทั้งในแง่ของวัสดุที่มีหลากหลายประเภท เหมาะสมกับงานตกแต่งหลากหลายรูปแบบ และบริการด้วยทีมงานมืออาชีพ ตั้งแต่ขั้นตอนให้คำแนะนำการออกแบบ ไปจนถึงการติดตั้งที่เชื่อถือได้ ปลอดภัยและมีมาตรฐาน โดย SCG D’COR ได้เริ่มโปรเจกต์จากจุดใกล้ตัว แปลงโฉมอาคารเก่าที่เอสซีจี รีโนเวต Facade เพิ่มเอกลักษณ์ให้สวยสะดุดตา โดยใช้เอสซีจี เดคคอร์ รุ่น Fretwork ในหมวดสินค้า Wall - Facade ผลงานดีไซน์ที่แล้วเสร็จจจะมีความโดดเด่น โมเดิร์นสะดุดตาในเวลากลางวัน และมีมิติของแสงสว่างที่ซ่อนอยู่หลังแพตเทิร์นผ่านการจัดเรียงในเวลากลางคืน อาคารนี้จึงกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ผสานกลิ่นอายของดีไซน์อาคารเก่าเข้ากับยุคสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว