ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ฯ ระบุพิษโควิด-19 กระทบดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ต่ำกว่าค่ากลางต่อเนื่อง 8 ไตรมาส แต่แนวโน้มไตรมาส 1 ปี 2564 ยอดขายดีขึ้น แต่ลดการจ้างงานเพื่อควบคุมต้นทุนการประกอบการ คาดการณ์อีก 6 เดือนข้างหน้า มั่นใจยอดขายและผลประกอบการ เดินหน้าเปิดโครงการใหม่เพิ่ม แต่ยังคงลดต้นทุนการดำเนินงาน
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า จากการรายงานผลการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในภาวะปัจจุบัน (Current Situation Index) พบว่า ไตรมาส 1 ปี 2564 มีค่าดัชนีเท่ากับ 46.3 และมีค่าดัชนีทรงตัวเท่ากับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และค่าดัชนีไตรมาสนี้ยังต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 ติดต่อกันถึง 8 ไตรมาส ซึ่งได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2562 จากการประกาศใช้มาตรการ LTV ในเดือนเมษายน 2562 ทำให้ผู้ประกอบการมีความกังวลต่อธุรกิจการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างเห็นได้ชัด และในไตรมาส 1 ปี 2564 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังมีการแพร่ระบาดต่อเนื่องไปในบางพื้นที่ อีกทั้งผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยที่เพิ่งเริ่มมีการฟื้นตัวอย่างช้าๆ จึงทำให้ผู้ประกอบการยังมีความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยต่ำกว่าค่ากลางที่ 50.0
เมื่อจำแนกกลุ่มผู้ประกอบการตามประเภทบริษัทพบว่า ความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันของผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies มีค่าดัชนีเท่ากับ 49.4 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อย ซึ่งมีค่าดัชนีอยู่ที่ 49.2 ขณะที่ผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีเท่ากับ 41.7 ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีค่าดัชนีอยู่ที่ 42.1 ซึ่งค่าดัชนีของผู้ประกอบการทั้ง 2 กลุ่มยังคงต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 ทั้งนี้ จะเห็นความแตกต่างระหว่างกลุ่ม ListedCompanies และกลุ่ม Non-listed Companies ได้อย่างชัดเจนที่ผู้ประกอบการกลุ่ม ListedCompanies มีความเชื่อมั่นในเรื่องผลประกอบการยอดขายและการลงทุนสูงกว่าระดับ 50.0 ขณะที่กลุ่ม Non-listed Companies ต่ำกว่า 50.0 อย่างชัดเจน
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้า (Expectations Index) มีค่าเท่ากับ 58.8 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 54.4 ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เมื่อจำแนกกลุ่มผู้ประกอบการตามประเภทบริษัท พบว่ากลุ่ม ListedCompanies มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 63.6 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 59.7 และผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีเท่ากับ 51.5เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ46.5 จะเห็นได้ว่าทั้งผู้ประกอบการกลุ่ม ListedCompanies และผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies เริ่มมีความเชื่อมั่นในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการลงทุน ผลประกอบการและยอดขายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากขึ้นกว่าไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ การสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการครั้งนี้ได้ทำการสำรวจในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนบางกลุ่มในประเทศไทย และรัฐบาลได้ประกาศขยายระยะเวลามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และการจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ (ไม่นับรวมบ้านมือสอง) ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ไปจนถึงสิ้นปี 2564 และยังได้เลื่อนประกาศอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ไปเป็นปี 2565 การลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเหลือร้อยละ 10 ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยลดภาระของผู้ซื้อและผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และมีความเชื่อมั่นในการลงทุนในอนาคตมากยิ่งขึ้น
อนึ่ง การแปลความหมายค่ากลางของดัชนีเท่ากับ 50.0 จุด ดังนั้น หากค่าดัชนีสูงกว่าค่ากลาง หมายถึงผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นและมีมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์ธุรกิจ ในทางตรงกันข้าม หากค่าดัชนีต่ำกว่าค่ากลาง จะหมายถึงผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นลดลงและมีมุมมองเชิงลบต่อสถานการณ์ธุรกิจ